นายสเตฟาน ดูจาริก โฆษกของ สหประชาชาติ (UN) ระบุในแถลงการณ์ว่า ทาง UN ได้พิจารณาแล้วว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำการ อพยพเคลื่อนย้ายประชาชน จำนวนมากนับล้านคน โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบทางด้านมนุษยธรรมตามมา ทั้งนี้ โฆษกฯ ระบุว่า กองทัพอิสราเอล ได้แจ้งต่อ UN ในช่วงเช้าวันนี้ (13 ต.ค.) ว่า ชาวปาเลสไตน์ 1.1 ล้านคนใน ฉนวนกาซา ซึ่งถูกปิดล้อมตัดน้ำ-ไฟฟ้า เส้นทางลำเลียงอาหารและเชื้อเพลิง และถูกระดมโจมตีทางอากาศโดยฝ่ายอิสราเอลมาตั้งแต่วันจันทร์ (9 ต.ค.) ควรอพยพลงไปทางใต้ของฉนวนกาซาภายในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า
การเตือนดังกล่าวเหมือนจะเป็นสัญญาณส่งถึงชาวปาเลสไตน์ว่า อิสราเอลอาจจะทำการโจมตีภาคพื้นดินเขตฉนวนกาซาตามที่ได้วางแผนเอาไว้
ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับคำเตือนเรื่องการอพยพ ซึ่งมีขึ้นในขณะที่อิสราเอลรวบรวมรถถังใกล้ชายแดนฉนวนกาซา และทำการโจมตีทางอากาศต่อดินแดนปาเลสไตน์หลังอิสราเอลถูกโจมตีโดยกลุ่มติดอาวุธฮามาสที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในฉนวนกาซา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 ต.ค.)
"สหประชาชาติขอเรียกร้องให้อิสราเอลยกเลิกคำสั่งดังกล่าว หากได้รับการยืนยัน เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจเปลี่ยนจากโศกนาฏกรรมที่มีอยู่แล้วให้กลายเป็นสถานการณ์หายนะ" โฆษก UN กล่าว
นายดูจาร์ริกยังกล่าวด้วยว่า คำเตือนให้ “อพยพด่วน” ของกองทัพอิสราเอลนั้น ยังรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติทุกคนและผู้ที่อยู่ในสถานที่พักพิงของสหประชาชาติ ซึ่งรวมถึงโรงเรียน ศูนย์สุขภาพ และคลินิก ในเขตฉนวนกาซาด้วย
ด้าน องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกแถลงการณ์วันนี้ (13 ต.ค.) ระบุว่า สถานการณ์ขณะนี้ สถานพยาบาลในฉนวนกาซาใกล้ถึงจุดวิกฤตแล้ว ภายหลังอิสราเอลปิดล้อมฉนวนกาซาโดยสมบูรณ์ ส่งผลให้มีไฟฟ้าใช้เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน เนื่องจากต้องจัดสรรปริมาณเชื้อเพลิงสำรองที่ใช้ในการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า
นอกจากนี้ ยังแสดงความกังวลว่า การที่ปริมาณเชื้อเพลิงสำรองในฉนวนกาซาใกล้หมดลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะส่งผลกระทบร้ายแรงกับผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางที่สุด ซึ่งรวมถึงผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดช่วยชีวิต ผู้ป่วยวิกฤต และทารกแรกเกิด ที่ต้องได้รับการดูแลในตู้อบ
ทางการปาเลสไตน์ รายงานว่า มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 1,500 คน และบาดเจ็บมากกว่า 6,600 คน จากปฏิบัติการทางอากาศของอิสราเอล เพื่อตอบโต้กลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา
ขณะที่ หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น หากอิสราเอลยังคงปิดล้อมฉนวนกาซาอย่างที่เป็นอยู่
อย่างไรก็ตาม ทางการอิสราเอลให้คำมั่นว่า จะปิดล้อมฉนวนกาซาอย่างเบ็ดเสร็จต่อไปจนกว่าตัวประกันทุกคนซึ่งถูกจับไว้โดยกลุ่มฮามาสและนำเข้าไปในเขตฉนวนกาซา จะได้รับการช่วยเหลือออกมาได้สำเร็จแล้วเท่านั้น