เอกอัครราชทูตอิสราเอล และ เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อเครือเนชั่น สะท้อนมุมมองรอบด้านเกี่ยวกับ สถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ความตึงเครียดครั้งนี้จะคลี่คลายลงอย่างไร และอะไรจะเป็น ปัจจัยนำไปสู่การเจรจาสันติภาพ และ การช่วยเหลือตัวประกัน
นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย เปิดประเด็นด้วยเหตุการณ์ล่าสุดที่ยิ่งเพิ่มความตึงเครียดของการเผชิญหน้า เมื่อการโจมตีโรงพยาบาลในเขตฉนวนกาซาทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยราย หลายฝ่ายประณามอิสราเอลว่าเป็นผู้กระทำเรื่องนี้โดยไม่ได้คำนึงถึงหลักมนุษยธรรม แต่เกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าว ท่านทูตซากิฟ ยืนยันในเบื้องต้นว่า อิสราเอลไม่ใช่ฝ่ายที่โจมตีอย่างแน่นอน หากแต่เป็นปฏิบัติการของ “กลุ่มญิฮาด ปาเลสไตน์” (Palestinian Islamic Jihad) ซึ่งเป็นพี่น้องกับกลุ่มฮามาส
ท่านทูตซากิฟ ซึ่งเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประสานงานกับกองกำลังของอิสราเอลตลอดเวลา บอกด้วยว่า กลุ่มญิฮาด ปาเลสไตน์ ต้องการยิงจรวดใส่อิสราเอล แต่จรวดทำงานล้มเหลว จึงยิงไม่ถึงเป้าหมายและตกใส่โรงพยาบาล
“จรวดของกลุ่มญิฮาด ปาเลสไตน์ หลายร้อยลูกมีสภาพเก่า และมักจะมีปัญหาเมื่อถูกนำมาใช้งาน เมื่อเกิดความผิดพลาด ก็ถือโอกาสป้ายสีอิสราเอล”
เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ยังบอกด้วยว่า กองทัพอิสราเอลที่ปฏิบัติการในเขตฉนวนกาซาซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มฮามาสนั้น ไม่ได้คิดแก้แค้น หรือล้างแค้นเป็นการส่วนตัว แต่เป็นปฏิบัติการตอบโต้ที่เหมาะสมกับการกระทำของกลุ่มฮามาสที่โจมตีเป้าหมายพลเรือนของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งอิสราเอลไม่สามารถยอมรับได้
“ขณะที่อิสราเอลมีจุดยืนชัดเจนไม่ทำร้ายพลเรือน ปฏิบัติการของอิสราเอลมีเป้าหมายที่แน่นอน ไม่เกินกว่าเหตุ แม้พลเรือนจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่พลเรือนไม่ใช่เป้าหมาย” ท่านทูตยืนยัน
ทั้งนี้ ในมุมมองของอิสราเอล ท่านทูตซากิฟ ย้ำว่า กลุ่มฮามาสเป็น “กลุ่มก่อการร้าย” ไม่ใช่นักต่อสู้เพื่อต่อต้านการกดขี่ตามที่ทางกลุ่มฮามาสและผู้สนับสนุนกล่าวอ้าง ทางการอิสราเอลได้ติดตามปฏิบัติการของกลุ่มฮามาสมาโดยตลอด วิธีการของฮามาสไม่ต่างอะไรกับกลุ่มก่อการร้ายไอเอส โดยในปฏิบัติการครั้งล่าสุดก็มีการจับพลเรือนไปเป็นตัวประกัน ยิงเด็กอายุแค่ 4 ขวบ ยิงพ่อแม่ของเด็ก ข่มขืนผู้หญิง ทุกอย่างมีภาพ มีคลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน แม้แต่สำนักข่าวหลายๆ แห่งในตะวันออกกลางก็มีภาพชัดเจน
เมื่อถามถึงแนวทางการยุติความขัดแย้งและการสู้รบครั้งนี้ ท่านทูตซากิฟ กล่าวว่า กลุ่มฮามาสไม่ยอมเข้าร่วมการเจรจา และอิสราเอลก็จะไม่เจรจากับผู้ก่อการร้ายเช่นกัน
ส่วนปาเลสไตน์กับอิสราเอลนั้น ยังสามารถพูดคุยกันได้ เจรจากันได้ เพียงแต่ต้องเห็นพ้องกันทั้งสองฝ่ายที่จะเดินหน้าสู่โต๊ะเจรจา ขณะที่วิกฤตตัวประกัน ทางการอิสราเอลเป็นห่วงทุกชีวิต และพยายามช่วยทุกคนให้ได้รับอิสรภาพ
เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยให้ข้อมูลว่า คนไทยจำนวนมากยังคงทำงานตามปกติในฟาร์มต่างๆ ของอิสราเอล ไม่ได้ขออพยพกลับประเทศไทย เพราะทุกคนยังปลอดภัยดี ยืนยันว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของอิสราเอลยังคงปลอดภัย มีเพียงไม่กี่จุดเท่านั้นที่มีการสู้รบและความรุนแรง
ในท้ายที่สุด ท่านทูตซากิฟเรียกร้องให้กลุ่มที่นัดชุมนุมประท้วงหน้าสถานทูตอิสราเอลในประเทศไทย คิดให้ดีๆ ว่าจะอยู่ฝ่ายเดียวกับผู้ก่อการร้ายจริงๆ หรือ เพราะกลุ่มฮามาสเป็นกลุ่มก่อการร้ายไม่ต่างอะไรกับไอเอส และไม่ใช่ตัวแทนของพลเมืองปาเลสไตน์แต่อย่างใด
ด้าน เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทย นายซัยยิด เรซา โนบัดตี กล่าวถึงบทบาทของอิหร่านในวิกฤตตะวันออกกลางครั้งนี้ รวมทั้งมุมมองต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และแนวทางการช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไป ซึ่งท่านทูตเชื่อว่ายังมีความหวัง
“สถานการณ์การสู้รบที่ปะทุขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม และยืดเยื้อมาจนถึงขณะนี้นั้น มีสาเหตุมาจากอิสราเอลรุกล้ำดินแดนที่เป็นของชาวปาเลสไตน์ และปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 จึงเป็นบาดแผลที่เรื้อรังยาวนาน” ท่านทูตโนบัดตีเกริ่นนำย้อนถึงสาเหตุของความขัดแย้งผ่านมุมมองของอิหร่าน รวมทั้งมุมมองที่มีต่อกลุ่มฮามาส ที่อิหร่านไม่ได้มองเป็นขบวนการก่อการร้ายเหมือนกับที่อิสราเอล สหรัฐอเมริกา และชาติตะวันตกส่วนใหญ่มอง
“เพราะฮามาสก็คือกลุ่มคนที่ต่อสู้กับคนที่มากดขี่ เหมือนกับที่เวียดนามสู้กับสหรัฐในสงครามเวียดนาม และไทยต่อสู้กับพม่าในอดีต”
ท่านทูตกล่าวเปรียบเทียบ และอธิบายว่า ปัจจุบันชาติมุสลิมหลายชาติหันมาสนับสนุนกลุ่มฮามาส โดยมีทั้งชาติที่สนับสนุนอย่างเปิดเผย และไม่เปิดเผย
เมื่อถามถึงแนวทางการช่วยเหลือตัวประกัน โดยเฉพาะตัวประกันชาวไทยอย่างน้อย 17 คนที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไป และยังไม่รู้ชะตากรรมนั้น ท่านทูตอิหร่านบอกว่า ทางการอิหร่านเชื่อมั่นว่ากลุ่มฮามาสจะไม่ทำร้ายตัวประกันชาวไทย และจะปฏิบัติต่อตัวประกันเป็นอย่างดี โดยอิหร่านพร้อมที่จะประสานกับกลุ่มฮามาสเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน
เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทยยังบอกด้วยว่า ในความเป็นจริงแล้ว กลุ่มฮามาสมีแผนจะปล่อยตัวประกันเป็นอิสระ รวมทั้งตัวประกันชาวไทยด้วย แต่เนื่องจากอิสราเอลระดมโจมตีพื้นที่ฉนวนกาซาอย่างรุนแรง ทำให้แผนการปล่อยตัวประกันต้องล่าช้าออกไป
ส่วนกรณีที่มีแรงงานไทยผู้รอดชีวิต กล่าวหากลุ่มฮามาสว่ากราดยิงใส่แรงงานไทย และคนไทยตกเป็นเป้าสังหาร โดยมีการล่อลวงไปทำร้ายและลวงไปเพื่อจับเป็นตัวประกันนั้น เอกอัครราชทูตอิหร่านให้มุมมองว่า น่าจะเกิดความสับสนในห้วงเวลาที่เกิดวิกฤต ทั้งเสียงปืน เสียงระเบิด ไม่รู้ว่าใครอยู่ฝ่ายไหน
“เชื่อว่ากลุ่มฮามาสไม่ได้พุ่งเป้ากราดยิงคนไทย แต่น่าจะเป็นความชุลมุนจนเกิดความเข้าใจผิด ตัวประกันที่ถูกจับอาจจะไม่รู้ว่าคนที่ถือปืนเป็นใคร อยู่ฝ่ายใดกันแน่ เชื่อมั่นว่ากลุ่มฮามาสไม่ได้จงใจทำร้ายคนไทยอย่างแน่นอน”
ขอบคุณข้อมูล-ภาพข่าว เนชั่นทีวี