"สหาย หลี่ เค่อเฉียง ประสบภาวะ หัวใจวาย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ขณะกำลังพักผ่อนอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และแม้จะใช้ความพยายามทุกอย่างเท่าที่ทำได้แต่ก็ไม่เป็นผล เขาถึงแก่กรรมที่เซี่ยงไฮ้ในเวลาเที่ยงคืนสิบนาทีของวันที่ 27 ตุลาคม" CCTV สื่อของทางการจีนรายงาน
ทั้งนี้ หลี่ เค่อเฉียง ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2556 – 11 มีนาคม พ.ศ. 2566
หลี่ เค่อเฉียง เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 ที่เขตติ้งหยวน ในมณฑลอานฮุย บิดาของเขาเป็นข้าราชการท้องถิ่นในอานฮุย หลี่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเมื่อปี พ.ศ. 2517 ระหว่างการปฏิวัติวัฒนธรรม เขาถูกส่งตัวไปเป็นแรงงานที่ชนบทในเขตเฟิ้งหยาง มณฑลอานฮุย ซึ่งที่นั่นเองที่เขาเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน และเริ่มต้นเส้นทางเข้าสู่การเป็นหัวหน้าฝ่ายการผลิตประจำท้องถิ่นของพรรคฯ เขายังได้รับรางวัล บุคคลผู้โดดเด่นในด้านการเรียนคิดแบบเหมาเจ๋อตง
หลี่ปฏิเสธข้อเสนอของบิดาที่จะให้เขาไปเป็นผู้นำพรรคฯประจำท้องถิ่น และเข้าศึกษาต่อในด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และเมื่อเขาได้รับวุฒินิติศาสตรบัณฑิต เขาได้ดำรงตำแหน่งประธานสภานักศึกษาของมหาวิทยาลัย และยังได้รับปริญญาเอกทางด้านเศรษฐศาสตร์
ต่อมาในปี พ.ศ. 2523 เขาเป็นเลขาธิการคณะยุวชนคอมมิวนิสต์ (CYL) ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง สองปีหลังจากนั้น ก็ขึ้นเป็นผู้นำระดับสูงของคณะยุวชนคอมมิวนิสต์ ในตำแหน่งสมาชิกสำนักเลขาธิการฯ และได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับนายหู จิ่นเทา ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคฯในขณะนั้น และในที่สุด เขาก็กลายเป็นเลขาธิการใหญ่ของคณะยุวชนคอมมิวนิสต์จนถึงปี พ.ศ. 2541 ก่อนจะมาเป็นรองนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีในที่สุด
หลี่เคยได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นหนึ่งในผู้ที่มีโอกาสดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก่อนที่จะต้องหลีกทางให้กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เขาเป็นสมาชิกคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ชุดที่ 17 ชุดที่ 18 และชุดที่ 19 หลี่ เค่อเฉียงเป็นผู้มีอำนาจลำดับที่ 2 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จนกระทั่งเกษียณอายุการทำงาน
ในช่วงแรกๆนั้น ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ เขาได้รับมอบหมายให้ควบคุมเศรษฐกิจของจีน บุคลิกของหลี่นั้นมีความเป็นผู้นำที่ทำงานเพื่อผู้ด้อยโอกาส แต่จุดอ่อนคือเขาไม่มีฐานอำนาจใดๆ ในพรรคคอมมิวนิสต์จีน และยังเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพียงคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้จงรักภักดีของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในระยะหลังๆ ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ข่าวระบุว่าเขาถูกกีดกันการทำงาน จากความเห็นที่ไม่ลงรอยกันและเกิดปัญหาร้าวฉานหนักขึ้นระหว่างตัวเขาและผู้ที่มีอำนาจสูงสุดอย่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
ข่าวระบุว่าเมื่อเดือนพ.ค.ปี 2565 นายหลี่ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจีนในขณะนั้น ได้เรียกประชุมข้าราชการกว่าหนึ่งแสนคน แล้วประกาศว่าผู้นำสูงสุดของจีนกำลังนำประเทศชาติไปสู่ความล่มจม โดยเฉพาะนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งทำให้ต้องปิดเมืองเซี่ยงไฮ้ และประชาชนกว่า 25 ล้านคนต้องถูกล็อกดาวน์ ห้ามออกจากบ้านเป็นเวลายาวนานนับเดือน
การทำงานชนิดที่เรียกได้ว่ามองหน้ากันไม่ติดนี้ ทำให้หลี่ เค่อเฉียง สิ้นสุดเส้นทางการทำงานอย่างไม่สวยนัก ขณะที่สุขภาพร่างกายก็ไม่ได้แข็งแรงอย่างที่เคยเป็นมา เขาถึงแก่อนิจกรรมด้วยวัย 68 ปีขณะพำนักอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ หลังเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันและถึงแก่อนิจกรรมในเวลา 00.10 น. วันนี้ (27 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากที่แพทย์พยายามทุกวิถีทางที่จะยื้อชีวิต แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ