วิกฤตการณ์โบอิ้ง 737 MAX ครั้งล่าสุดรุนแรงขึ้นในวันจันทร์ที่ 8 ม.ค.67 ที่ผ่านมา หลังจากยูไนเต็ดแอร์ไลน์ (UAL.O) เปิดเผยว่า พบสลักเกลียวหลวมบนเครื่องบิน MAX 9 หลายลำทำให้เกิดความกังวลใหม่ ๆ ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม
สิ่งพิมพ์อุตสาหกรรม Air Current รายงานว่า ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ พบสลักเกลียวที่ไม่เหมือนกันบนส่วนอื่นๆ บนแผงอย่างน้อย 5 ลำที่ได้รับการตรวจสอบหลังเกิดอุบัติเหตุ สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) และโบอิ้งปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ขณะที่ในแถลงการณ์ของสายการบินดังกล่าวระบุว่า การค้นพบเหล่านี้จะได้รับการแก้ไข เพื่อให้เครื่องบินกลับเข้าประจำการได้อย่างปลอดภัย
ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ซึ่งกล่าวว่า ยูไนเต็ด พบเครื่องบินเกือบ 10 ลำที่มีสลักเกลียวหลวมระหว่างการตรวจสอบเบื้องต้น เพิ่มขึ้นจาก 5 ลำแรกที่รายงานครั้งแรกโดยสื่อสิ่งพิมพ์ Air Current และตัวเลขอาจเพิ่มขึ้น
หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ สั่งระงับเครื่องบินแม็กซ์ 9 จำนวน 171 ลำ หลังจากที่ชิ้นส่วนเครื่องบินหลุดกลางอากาศที่ความสูง 16,000 ฟุต ของเที่ยวบินที่ดำเนินการโดยอลาสกา แอร์ไลน์(ALK.N)ไม่นานหลังจากขึ้นจากสนามบินพอร์ตแลนด์ รัฐโอริกอน เมื่อวันศุกร์ที่ 5 ม.ค.67 ที่ผ่านมา ไม่มีรายงานการบาดเจ็บสาหัส ต่อมาพบชิ้นส่วนซึ่งมีน้ำหนัก 63 ปอนด์ (28.5 กก.)
โบอิ้ง กล่าวว่า บริษัทยังคงประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ MAX 9 และจะช่วยลูกค้าจัดการกับสิ่งที่ค้นพบระหว่างการตรวจสอบ โดยเน้นย้ำว่าโบอิ้งจะสร้างความมั่นใจว่าเครื่องบินทุกลำมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดการออกแบบ รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพสูงสุด เเละเสียใจกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกค้าและผู้โดยสารของสายการบินต่างๆ
รายงานข่าวระบุว่า คนในวงการอุตสาหกรรมหลายคนกล่าวว่า สายการบินต่างๆ เริ่มได้ยินเสียงสะท้อนจากถึงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเครื่องบิน แม้ว่า MAX 9 ที่เป็นปัญหาจะมีให้บริการเพียงไม่กี่สายการบินก็ตาม
ความกังวลที่ยืดเยื้ออาจเพิ่มแรงกดดันต่อให้กับโบอิ้ง ซึ่งประสบปัญหาการผลิตมากมาย นับตั้งแต่การสั่งห้ามใช้เครื่องบินโมเดล 737 MAX ในเดือนมีนาคม 2019 ซึ่งกินเวลานาน 20 เดือนหลังจากอุบัติเหตุร้ายแรง 2 ครั้ง คร่าชีวิตผู้คนไป 346 ราย ขณะที่หุ้นโบอิ้งร่วงลง 8% เมื่อวันจันทร์ที่ 8 ม.ค.67 ในช่วงการซื้อขายก่อนตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดทำการ