นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แถลงข่าววันนี้ (26 ม.ค.) เกี่ยวกับการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ของ นายหวัง อี้ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 26-29 ม.ค.2567
โดยในการเยือนไทยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือมือในสาขาต่างๆ อาทิ การค้า การลงทุน ความมั่นคง วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศที่อยู่ในความสนใจร่วมกัน โดยฝ่ายไทยจะยืนยันถึงวิสัยทัศน์ของไทยต่อความสัมพันธ์ไทย-จีน ที่จะครบรอบ 50 ปีในปี 2568 รวมทั้งให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
ในการนี้ นายหวัง อี้ ซึ่งมีกำหนดเดินทางถึงไทยราว 12.30 น.จะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันจันทร์ที่ 29 ม.ค. และก่อนหน้านั้นในวันอาทิตย์ (28 ม.ค.) นายหวัง อี้ จะเป็นประธานร่วมกับนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในการประชุมกลไกการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย-จีน ครั้งที่1 ที่ประทรวงการต่างประเทศ หลังจากนั้นจะมีพิธีลงนามความตกลงและเอกสารสำคัญ
โดยไฮไลท์ในการเยือนครั้งนี้ คือจะมีการลงนามในความตกลงว่าด้วย การยกเว้นการตรวจลงตรา (ยกเว้นวีซ่า) ซึ่งกันและกัน สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ เพื่อเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มีนาคม 2567
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า การยกเว้นวีซ่าซึ่งเป็นมาตรการสองฝ่าย จะช่วยขยายการท่องเที่ยวระหว่างไทยและจีนเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ว่านักท่องเที่ยวจีนจะไหลทะลักมาเที่ยวไทยเพียงฝ่ายเดียว แต่เชื่อว่าคนไทยเองก็จะหลั่งไหลไปเที่ยวประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน ซึ่งจีนเองก็ต้องเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวไทยที่จะไปจีนมากขึ้น
ถามว่ามีความกังวลว่าการเปิดให้มีการเดินทางระหว่างไทย-จีนแบบฟรีวีซ่า จะเปิดโอกาสให้แก๊งทุนจีนสีเทาซึ่งเป็นมิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้ามาทำผิดกฎหมายในไทยมากขึ้นหรือไม่นั้น โฆษกกระทรวงตอบว่า การยกเว้นวีซ่ากับการบังคับใช้กฎหมายเป็นสองเรื่องที่แยกกัน ถึงแม้คนจีนจะเข้ามาเยือนเมืองไทยได้สะดวกขึ้นจากการยกเว้นวีซ่า แต่เมื่อเข้ามาก็ต้องผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) มีการบันทึกประวัติการเข้า-ออก จากนั้นฝ่ายบังคับใช้กฎหมายก็ต้องเพิ่มความเข้มข้นในส่วนของกฎหมายและการป้องกันให้สอดคล้องกับสถานการณ์
“จีน-สหรัฐ” นัดพบที่กทม.หารือความสัมพันธ์
ทางด้าน สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้โพสต์ทางเว็บไซต์ทางการของสถานทูตเช้าวันนี้ (26 ม.ค.) ว่า นายหวัง อี้ จะจัดการพบปะหารือรอบใหม่กับนายเจค ซัลลิแวน ผู้ช่วยประธานาธิบดีฝ่ายกิจการความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ในระหว่างเยือนประเทศไทยครั้งนี้ด้วย โดยโพสต์ของสถานทูตจีนระบุว่า
นายวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนประกาศว่า นายหวัง อี้ สมาชิกคณะกรรมการประจำกรมการเมือง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 26-29 ม.ค. ตามคำเชิญของนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ของไทย นอกจากนี้ ตามที่จีนและสหรัฐอเมริกาได้ตกลงกันไว้ นายหวัง อี้ จะจัดการพบปะหารือรอบใหม่กับ นายเจค ซัลลิแวน ผู้ช่วยประธานาธิบดีฝ่ายกิจการความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐในกรุงเทพฯ ระหว่างการเยือนครั้งนี้ด้วย
เกี่ยวกับประเด็นนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย ให้รายละเอียดเพิ่มเติมยืนยันว่า ตามที่ทำเนียบขาวได้ออกข่าวมาก่อนหน้านี้ ว่านายเจค ซัลลิแวน ผู้ช่วยประธานาธิบดีฝ่ายกิจการความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐจะมาเยือนประเทศไทย และจะได้เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ นายซัลลิแวนยังมีแผนจะพบหารือกับนายหวัง อี้ รมว.ต่างประเทศของจีนที่กรุงเทพฯ ในระหว่างที่ทั้งคู่อยู่ในประเทศไทยในช่วงเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม โฆษกต.กล่าวว่า ไทยเองรับทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ และยินดีที่ไทยได้เป็นมิตรประเทศที่ดีกับทุกฝ่าย สะท้อนจากการที่จีนและสหรัฐได้นัดมาจัดพบปะหารือกันที่ในประเทศไทย ทั้งนี้ ไทยไม่ได้มีบทบาทใดๆในการจัดการพบปะดังกล่าว แต่เชื่อว่าการพบกันระหว่างบุคคลสำคัญของจีนและสหรัฐในครั้งนี้จะก่อให้เกิดสันติภาพและความร่วมมือที่ดีในภูมิภาค