สัปดาห์แห่ง การปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ กำลังจะเริ่มขึ้นในวันที่ 4 มีนาคม 2567 ประเดิมด้วยการเยือน ประเทศออสเตรเลีย ดินแดนดาวน์อันเดอร์เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดสมัยพิเศษ เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-ออสเตรเลีย ก่อนจะต่อด้วยการเยือนประเทศ ฝรั่งเศส และ เยอรมนี
ภารกิจการเยือนออสเตรเลียนั้น จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 มีนาคม 2567 ณ นครเมลเบิร์น เป็นโอกาสในการหารือกับภาคเอกชนออสเตรเลียเพื่อขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยฝ่ายไทยพร้อมจะพาภาคเอกชนร่วมคณะไปด้วย ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีได้เคยพบหารือทวิภาคีกับนายแอนโทนี แอลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ในห้วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคครั้งที่ 30 ที่นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566
หลังจากนั้น พลเอก เดวิด เฮอร์ลีย์ ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย และนางลินดา เฮอร์ลีย์ ภริยา ก็ได้เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 13 - 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามคำเชิญของนายกฯเศรษฐา การเยือนไทยครั้งแรกของผู้นำระดับสูงของออสเตรเลียในรอบ 7 ปีครั้งนี้ สะท้อนความสัมพันธ์ที่สนิทแน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองประเทศ
ส่วนการเยือนออสเตรเลียของนายกฯเศรษฐาในวันที่ 4 มีนาคมที่จะถึงนี้ ก็จะเป็นการเยือนครั้งแรกของเขาเช่นกันนับจากที่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
จากนั้น มีกำหนดบินต่อไปทวีปยุโรป เพื่อเยือน ประเทศฝรั่งเศส และ เยอรมนี โดยมีกำหนดการคร่าว ๆ ดังนี้
ทั้งนี้ การเยือน 2 ประเทศใหญ่ทางเศรษฐกิจของยุโรปนั้น มุ่งกระชับความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างกันในหลายด้าน ซึ่งรวมถึงการผลักดันการค้าและการลงทุนที่ไทยให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของนโยบายการทูตเชิงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในเรื่องยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และการเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ยุโรป (EFTA)
ในส่วนของเยอรมนีนั้น ถือเป็น 1 ใน 10 ประเทศเป้าหมายสำคัญของไทยที่มุ่งยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน หรือ Strategic Partnership สะท้อนความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและครอบคลุมความร่วมมือในทุกมิติรวมทั้งด้านการค้าและการลงทุน
โดยเร็วๆนี้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายฟรังก์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีเยอรมนี ก็เพิ่งนำคณะนักธุรกิจชุดใหญ่เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการเยือนไทยครั้งแรกในรอบ 22 ปีของบุคคลระดับประมุขของประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 21-25 ก.พ.ที่ผ่านมา นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็เพิ่งเดินทางเยือนเยอรมนีเพื่อเตรียมการสำหรับการเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีที่กำลังจะเกิดขึ้น เป้าหมายเพื่อดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตในระดับที่ลึกขึ้น รวมถึงผลักดันเรื่องการค้าและการลงทุนที่จะมีการเปิดตลาดระหว่างกันเพิ่มมากขึ้นด้วย
โดยโครงการที่ไทยต้องการดึงดูดการลงทุนจากเยอรมนีมากที่สุด เป็นโครงการขนาดใหญ่ตามนโยบายที่รัฐบาลประกาศเอาไว้ เช่น โครงการแลนด์บริดจ์ รวมทั้งการลงทุนด้านเทคโนโลยีในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมที่เยอรมนีมีศักยภาพสูง นอกจากนี้ ไทยยังหมุ่งหวังให้เอกชนเยอรมนีเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่ไทยกำลังมุ่งมั่นผลักดันการเป็น “ฮับ” หรือศูนย์กลางการผลิตภายในภูมิภาคอาเซียนด้วย