นิตยสารฟอร์บส์ เปิดเผยตัวเลขล่าสุดซึ่งเป็น รายได้ หลังหักภาษีในปีที่ผ่านมา (2023) ของ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา และของ นางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง รวมกัน 619,976 ดอลลาร์ หรือประมาณ 22.93 ล้านบาท ตามข้อมูลการคืนภาษีที่ทำเนียบขาวเผยแพร่เมื่อวันที่ 15 เม.ย. นับเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับรายได้ในปี 2022 ของบุคคลทั้งสอง ที่มีอยู่เกือบๆ 580,000 ดอลลาร์สหรัฐ
รายงานชิ้นนี้ ยังระบุตัวเลขที่น่าสนใจเกี่ยวกับรายได้และการเสียภาษีของผู้นำสหรัฐ ดังนี้
ด้านรองประธานาธิบดี นางคามาลา แฮร์ริส และสามี (ซึ่งเรียกตามชื่อตำแหน่งว่า “สุภาพบุรุษคนที่สอง” หรือ second gentleman) นายดั๊ก เอ็มฮอฟฟ์ มีรายได้รวมกัน 450,299 ดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา และพวกเขาจ่ายภาษีเงินได้ให้แก่รัฐบาลกลาง 88,570 ดอลลาร์
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ผู้นำสหรัฐและภริยา ได้เปิดเผยข้อมูลประวัติการคืนภาษีของพวกเขาเป็นเวลา 26 ปี ซึ่งการกระทำดังกล่าวให้ภาพที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างตัวเขาและนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน โดยทรัมป์ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลประวัติการคืนภาษีระหว่าง 4 ปีที่เขาดำรงตำแหน่งผู้นำของประเทศ
ทั้งไบเดนและทรัมป์ ประกาศจะลงชิงชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปลายปีนี้
อย่างไรก็ตาม ในปี 2022 คณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎร (House Ways and Means Committee) เคยเปิดเผยข้อมูลการคืนภาษีในระยะเวลา 6 ปีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทรัมป์จ่ายภาษี 1.1 ล้านดอลลาร์ระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และ 0 ดอลลาร์ในปี 2020 รายได้รวมหลังหักภาษีของทรัมป์ติดลบ 4.8 ล้านดอลลาร์ในปี 2020
ทั้งนี้ จุดยืนด้านนโยบายภาษีของรัฐบาลไบเดน เน้นย้ำเกี่ยวกับการเก็บภาษีชาวอเมริกันที่ร่ำรวยและบริษัทที่มีรายได้สูง แผนการเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีของประธานาธิบดีไบเดนซึ่งยังไม่ได้รับการรับรองและประกาศใช้โดยสภาคองเกรส มีเป้าหมายที่จะขึ้นอัตราภาษีนิติบุคคลเป็น 28% และกำหนดให้มหาเศรษฐีต้องจ่ายภาษีอย่างน้อย 25% ของรายได้ แต่แผนการของเขา จะไม่ขึ้นภาษีสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 400,000 ดอลลาร์ต่อปี
เงินเดือนของประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่ได้รับในอัตรา 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 14.8 ล้านบาทต่อปีนั้น (ณ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน 37 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ) ยังถือว่าน้อยกว่าอัตราเงินเดือนของผู้นำบางประเทศ โดยสถิติในปี 2022 ชี้ว่า ผู้นำรัฐบาลที่มีอัตราเงินเดือนสูงที่สุดในโลก คือ นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ซึ่งรับเงินเดือนถึงปีละ 1.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 59.2 ล้านบาท/ปี รองลงมาเป็นอันดับสองคือเงินเดือนของนายจอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ที่รับเงินเดือนในอัตรา 696,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี หรือประมาณ 25.75 ล้านบาท
ส่วนอัตราเงินเดือนของนายกรัฐมนตรีไทยนั้น อยู่ที่ 75,590 บาท บวกเงินประจำตำแหน่ง 50,000 บาท รวมเป็นเงิน 125,590 บาทต่อเดือน
ข้อมูลอ้างอิง