ประชุมใหญ่รีพับลิกัน ทรัมป์เปิดตัว เจ.ดี. แวนซ์ ชิงเก้าอี้รองประธานาธิบดี

16 ก.ค. 2567 | 00:43 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ย. 2567 | 04:35 น.

ในการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันที่เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน วานนี้ (15 ก.ค.) อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดตัว “เจ.ดี. แวนซ์” สว. จากรัฐโอไฮโอ ร่วมลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันจันทร์ (15 ก.ค.) ใน การประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน ที่เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน ว่าเขาตัดสินใจเลือก นายเจ.ดี. แวนซ์ (J.D. Vance) วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอ ร่วมลงชิงชัยตำแหน่งรองประธานาธิบดีในการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีนี้

รายงานข่าวระบุว่า นายทรัมป์วัย 78 ปี ที่เพิ่งรอดชีวิตจากการถูกลอบสังหารเมื่อเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา (13 ก.ค.) ตัดสินใจเลือกนายแวนซ์ โดยกล่าวผ่านโพสต์ทางแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน “ทรูธ โซเชียล” ของตัวเองว่า “หลังการหารือและคิดทบทวนกันมายาวนาน ทั้งยังพิจารณาผู้มีความสามารถมากมายคนอื่น ๆ แล้ว ผมตัดสินใจว่า ผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะรับตำแหน่งรองประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคือ สว. เจ.ดี. แวนซ์ จากรัฐโอไฮโออันยิ่งใหญ่”

ตัวเลือกของทรัมป์คือ เจ.ดี. แวนซ์ แม้ว่าครั้งหนึ่ง สว.หนุ่มผู้นี้จะเคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์อย่างหนักก่อนจะกลับกลายมาเป็นพันธมิตรที่จงรักภักดี ซึ่งอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ดีท่ามกลางความวิตกกังวลของชาวอเมริกันต่อกรณีความสูงอายุของผู้นำทางการเมืองสหรัฐฯ ในเวลานี้

ผู้สนับสนุนชูป้ายเชียร์ "ทรัมป์และแวนซ์" เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ลงแข่งขันในศึกเลือกตั้งใหญ่ปลายปี (ภาพข่าวรอยเตอร์)

นายแวนซ์ ในวัย 39 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักในระดับประเทศจากการตีพิมพ์บันทึกความทรงจำ “Hillbilly Elegy” เมื่อปี 2016 ก่อนที่เขาจะได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันในปี 2022 และกลายมาเป็นผู้สนับสนุนที่เหนียวแน่นที่สุดของของนโยบาย “ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง” (Make America Great Again) ของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะในประเด็นการค้า นโยบายต่างประเทศ และผู้อพยพ

ก่อนเข้าสู่แวดวงการเมือง แวนซ์จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอและยังจบนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเยล เขาเคยเป็นนาวิกโยธินผ่านสมรภูมิอิรักก่อนจะกลับมาทำธุรกิจในแวดวงเวนเจอร์แคปปิตอล   

นายเจ.ดี. แวนซ์ วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอ

อย่างไรก็ตาม เจ.ดี. แวนซ์ แทบจะไม่มีประสบการณ์การเมืองในระดับประเทศมาก่อน แต่การเข้าร่วมกับทรัมป์ในช่วงเวลานี้ ถือว่ามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ไม่น้อย โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ขณะกำลังหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้คนอเมริกันหันมามองภาพการเมืองของประเทศกันมากขึ้น และเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ใกล้เข้ามาทุกที เมื่อพวกเขาต้องตัดสินใจว่าจะเลือกใครขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯในการเลือกตั้งปลายปีนี้

เจ.ดี. แวนซ์ เพิ่งตกเป็นข่าวและถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย เกี่ยวกับโพสต์ทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ของเขาที่ออกมาชี้ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งพรรคเดโมแครตคือ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ความรุนแรงครั้งล่าสุดนี้ (การลอบสังหารทรัมป์ที่เพนซิลเวเนีย) โดยระบุว่า

“แก่นของแผนการหาเสียงของไบเดนก็คือ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ยึดถือลัทธิฟาสซิสท์ ที่ต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งให้ได้” นอกจากนี้ เขายังกล่าวด้วยว่า “วาทกรรมเช่นนั้นเกี่ยวโยงโดยตรงและนำไปสู่ความพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีทรัมป์”

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายก็ยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับมูลเหตุจูงใจของนายโทมัส แมทธิว ครุกส์ ชายหนุ่มวัย 20 ปีที่ตกเป็นผู้ต้องหาในการลอบยิงทรัมป์และถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฯไปแล้วเมื่อวันเสาร์

เห็นได้ชัดว่า การเลือกเจ.ดี. แวนซ์เข้าร่วมชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของทรัมป์ในครั้งนี้ เป็นการปลุกกระตุ้นฐานเสียงผู้สนับสนุนของเขา หลังสว.หนุ่มจากยุคมิลเลนเนียลกลายมาเป็นที่ชื่นชมของกลุ่มสื่ออนุรักษ์นิยมและเป็นผู้ที่ออกมาปะทะกับผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภาสหรัฐฯ เป็นประจำ ซึ่งล้วนทำให้แวนซ์ดูคล้ายเป็นผู้นำที่จะช่วยสืบทอดบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบต่อจากทรัมป์ต่อไปได้ในอนาคต นั่นหมายถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2028

โจทย์ใหญ่ของพวกเขา คือการเข้าถึงกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่เป็นชาวผิวดำและคนเชื้อสายละติน

อย่างไรก็ตาม การเลือกแวนซ์มาเป็นคู่ชิงชัยของทรัมป์ หมายถึงการที่ชายผิวขาวสองคนพยายามนำพาพรรครีพับลิกันเข้าถึงชาวอเมริกันผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งโจทย์ใหญ่ก็คือพวกเขายังพยายามหาทางเข้าถึงกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่เป็นชาวผิวดำและคนเชื้อสายละติน

การประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันจะมีขึ้นเป็นเวลา 4 วัน เริ่มจากวันจันทร์ที่ 15 ก.ค.ถึงวันพฤหัสฯที่ 18 ก.ค. โดยมีสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายหมื่นคนจากทั่วประเทศเข้าร่วม นี่คือการประชุมที่จะมีขึ้นทุกๆ 4 ปี เป็นที่คาดหมายว่า ทางพรรครีพับลิกันจะประกาศเสนอชื่อผู้ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี "อย่างเป็นทางการ" ในวันพุธ และจะประกาศชื่อผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุมฯ