ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู มีกำหนดเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในการเยือนครั้งสำคัญที่อาจส่งผลต่อนโยบายต่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
เนทันยาฮูมีกำหนดการ โดยจะกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาสหรัฐฯ และเข้าร่วมการประชุมสำคัญที่ทำเนียบขาว นอกจากนี้คาดว่าจะประชุมกับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของการเยือนครั้งนี้ด้วย
การเยือนของเนทันยาฮูเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่น่าสนใจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ชะลอการเชิญเนทันยาฮูเข้าทำเนียบขาวเป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งสะท้อนถึงความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวก่อนที่เขาจะบินไปวอชิงตัน ซึ่งเขาจะมีกำหนดกล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ว่า อิสราเอลจะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง ไม่ว่าใครจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนก็ตาม
เนทันยาฮู กล่าวว่าเขาจะขอบคุณไบเดนสำหรับทุกสิ่งที่ทำเพื่ออิสราเอลตลอดอาชีพการงานและหารือกับในประเด็นต่างๆ เช่น การปล่อยตัวตัวประกันชาวอิสราเอลในฉนวนกาซาการเอาชนะกลุ่มฮามาส และการเผชิญหน้ากับอิหร่านและกลุ่มตัวแทนในภูมิภาค
การประชุมกับไบเดนมีกำหนดเบื้องต้นในวันอังคาร หากประธานาธิบดีวัย 81 ปี หายจากโรคโควิด-19 เนทันยาฮูมีกำหนดกล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาในวันพุธ
"ผมจะบอกกับเพื่อนๆ ของผมทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าชาวอเมริกันจะเลือกใครเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป อิสราเอลยังคงเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของอเมริกาในตะวันออกกลาง" เขากล่าวกับนักข่าว ก่อนออกเดินทาง
“ในช่วงเวลาของสงครามและความไม่แน่นอนเช่นนี้ สิ่งสำคัญคือศัตรูของอิสราเอลต้องรู้ว่าสหรัฐและอิสราเอลจะยืนหยัดร่วมกันในวันนี้ พรุ่งนี้ และตลอดไป” เนทันยาฮูกล่าว และเสริมว่าเขาต้องการเป็นเสาหลักในการสนับสนุนจากทั้งสองพรรคซึ่งมีความสำคัญมากสำหรับอิสราเอล
นักวิเคราะห์บางคนมองว่า เนทันยาฮูอาจกำลังรอให้ไบเดนหมดวาระ โดยหวังว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ชุดถัดไปอาจมีท่าทีที่เอื้อต่อนโยบายของอิสราเอลมากกว่า โดยเฉพาะหากเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
อย่างไรก็ตาม ไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งชี้ว่าเนทันยาฮูจะได้พบกับโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่หลังจากนั้น ทรัมป์ก็วิพากษ์วิจารณ์เนทันยาฮูและกล่าวว่าสงครามกาซาจะต้องยุติลงโดยเร็ว
ด้วยความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ เนทันยาฮูอาจต้องระมัดระวังในการสร้างสมดุลระหว่างความสัมพันธ์กับรัฐบาลปัจจุบันและการเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
การเยือนครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่มีความสำคัญต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอลเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลางและนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ในอนาคตอีกด้วย