ทายาท “แหลมเจริญ ซีฟู้ด” รับไม้ต่อขยายสาขามาเลย์-เวียดนาม

01 พ.ย. 2567 | 22:05 น.

Gen 3 “แหลมเจริญ ซีฟู้ด” เดินหน้ารุกธุรกิจร้านอาหาร ขยายสาขาในไทย-มาเลเซีย พร้อมศึกษาตลาดเวียดนาม ปรับแผนเพิ่มเมนู ดึงอินฟลูเอนเซอร์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ รีวิวเจาะกลุ่มวัยรุ่น แนะผู้ประกอบการหันใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

นาย ปยุต กองสุวรรณ Executive Chef ในเครือแหลมเจริญ ซีฟู้ด กรุ๊ป ทายาทรุ่นที่ 3 เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารกลายเป็นสนามแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยหลายประการที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ร้านอาหารต้องพัฒนาเมนูและบริการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการเข้ามาของโซเชียลมีเดีย แอปพลิเคชันสั่งอาหารออนไลน์ และการรีวิว มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

สำหรับไตรมาส 4 จะมีปัจจัยหนุนมาจากการท่องเที่ยวอย่างจีน และดูไบ เข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณย่านเยาวราชและถนนบรรทัดทอง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวจีน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศไทยท้ายปีได้

นาย ปยุต กองสุวรรณ

ส่วนปัจจัยเสี่ยงมาจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่ยังคงมีความไม่แน่นอนและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน ทำให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น

เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับอนาคตทางเศรษฐกิจและสังคม อีกทั้งพบว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคในไตรมาสที่ 3 ลดลง เป็นผลมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคเลือกที่จะลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและหันมาออมเงินมากขึ้น

ปัจจุบันแหลมเจริญ ซีฟู้ด เปิดมาแล้วกว่า 45 ปี มีทั้งหมด 43 สาขา แบ่งเป็น ไทย 40 สาขา และมาเลเซีย 3 สาขา โดยในปลายปีนี้มีแผนจะขยายเพิ่มอีก 3 สาขา ในกรุงเทพฯ พิษณุโลก และปีนัง ประเทศมาเลเซีย ซึ่งปีหน้ามีแผนออกเมนูใหม่ ที่มีเนื้อสัตว์ต่าง ๆ เพิ่มนอกเหนือจากอาหารทะเล และกำลังศึกษาประเทศเวียดนามเพื่อขยายสาขาในอนาคต

ทายาท “แหลมเจริญ ซีฟู้ด” รับไม้ต่อขยายสาขามาเลย์-เวียดนาม

ส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าจะเป็นครอบครัวและชาวต่างชาติ แต่ตอนนี้มีการปรับเมนูให้เหมาะกับพนักงานออฟฟิศ และกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้นหรือลูกค้าที่มาทานเดียว เพื่อเพิ่มความหลากหลายและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รองรับกลุ่มเป้าหมายใหม่ โดยเน้นเมนูที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ที่มีขนาดพอเหมาะ

นอกจากนี้ทางบริษัทเห็นถึงไลฟ์สไตล์วัยรุ่นที่ชอบถ่ายรูป จึงได้ออกแบบสาขาแหลมเจริญ ซีฟู้ดเอกมัย ที่เป็นแฟลกชิปสโตร์สาขาแรกและสาขาเดียวให้เป็นสาขาที่สามารถถ่ายรูปได้เกือบทุกมุม เป็นการสร้างจุดเด่นที่แตกต่างจากสาขาอื่นๆ และดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบการถ่ายภาพและการแบ่งปันบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของวัยรุ่นในปัจจุบัน ที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และการสร้างแบรนด์ส่วนตัว

ทายาท “แหลมเจริญ ซีฟู้ด” รับไม้ต่อขยายสาขามาเลย์-เวียดนาม

อีกทั้งยังสามารถดึงดูดอินฟลูเอนเซอร์ นักรีวิวอาหาร และนักสร้างคอนเทนต์ มาเยี่ยมชมและรีวิวร้าน เป็นการสร้างการรับรู้และกระแสความนิยมให้กับแบรนด์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ส่วนเหตุผลที่เน้นบุกตลาดมาเลเซีย เนื่องจากประเทศมาเลเซียใกล้กับประเทศไทย และมีวัตถุดิบที่คล้ายกับประเทศไทยหลายอย่าง โดยเฉพาะแหล่งน้ำมีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบลง นอกจากนี้ในมาเลเซียมีร้านอาหารเปิดเป็นจำนวนมาก ทำให้คนในประเทศคุ้นชินกับอาหารไทย

ทายาท “แหลมเจริญ ซีฟู้ด” รับไม้ต่อขยายสาขามาเลย์-เวียดนาม

ความท้าทายในอนาคตของธุรกิจร้านอาหาร คือการปฏิวัติทางเทคโนโลยี ที่กำลังเกิดขึ้นในวงการร้านอาหาร การนำหุ่นยนต์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อรูปแบบการดำเนินธุรกิจ การบริการลูกค้า และประสบการณ์โดยรวมของผู้บริโภคอย่างแน่นอน ธุรกิจร้านอาหารที่สามารถปรับตัวและนำเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นผู้ที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันในอนาคต

 แหลมเจริญ ซีฟู้ด กรุ๊ป เป็นธุรกิจที่รุ่นปู่ย่าตายายและพ่อแม่ได้สร้างรากฐานมาอย่างแข็งแกร่ง ในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 ต้องรักษาเอกลักษณ์ของร้านและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้นไปอีก

แหลมเจริญ ซีฟู้ดถือเป็นธุรกิจประสบความสำเร็จในประเทศไทยเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ แต่เรามีความฝันอยากให้ร้านไปไกลถึงระดับโลก สามารถไปตีตลาดฝั่งอังกฤษ หรืออเมริกาให้ได้ในอนาคต” นายปยุต กล่าวในตอนท้าย



หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,040 วันที่ 31 ต.ค. - 2 พ.ย. พ.ศ. 2567