*** ไม่ได้มีแค่เพียง JTS แต่ยังมี TEAMG ที่ราคาหุ้นวิ่งได้แรงต่อเนื่องโดยไม่สะดุด ไม่ต่างจากการคุมกำเนิดผ่าน “ถุงยางรั่ว” ไปแล้วหลังจากที่ถูกจับติดมาตรการกำกับซื้อขายระดับ 3 (T3) ซึ่งก็ได้สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการกำกับซื้อขายด้วยแคชบาลานซ์ใหม่ ที่พึ่งจะออกมาไม่มีสาระที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุนอย่างที่ควรจะเป็น
และนอกจากเจ๊เมาธ์ก็ยังมีผู้คร่ำหวอดในวงการตลาดหุ้นอีกหลายคน ออกมาบอกว่ามันดูแปลกๆ ประมาณว่า ถ้าจะให้แฟร์กับนักลงทุน ก็น่าจะเพิ่มมาตรการคุมแบบ 2 ทาง นั่นคือ นอกจากคุมหุ้นที่ราคาปรับขึ้นแรงแล้ว ก็ควรจะมีการคุมหุ้นที่ราคาปรับตัวลงร้อนแรงออกมาด้วย ซึ่งถ้าจะว่ากันตามตรง บรรดาคนที่กำหนดกฎเกณฑ์แบบนี้ออกมา ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า หุ้นที่ขึ้นแรงทุกตัวไม่ใช่ว่าจะร่วงลงแรงทุกตัว...แต่ที่ราคาหุ้นขยับก็จะมีสาเหตุเฉพาะตัวที่ทำให้ราคาหุ้นขยับ
อย่าลืมว่าการคุมกำเนิดไม่ให้ราคาหุ้นปรับราคาขึ้นไป มันก็ไม่ต่างไปจากการเตะถ่วงไม่ให้ตลาดหุ้นโตตามไปด้วย และสาเหตุที่นักลงทุนไม่ว่าจะรายย่อย หรือ รายใหญ่เสียหาย เป็นเพราะราคาหุ้นปรับร่วงลงแรง ไม่ใช่เพราะหุ้นขึ้นแรงแต่อย่างใด ซึ่งถ้าไม่รู้หรือว่าทำไม่เป็นก็ควรจะเรียกระดมความคิดเห็นจากบรรดาผู้ที่มีความรู้มาช่วย ไม่ใช้มานั่งมโน...คิดเองแล้วสรุปง่ายๆ เอาเองกันแบบนี้ หรือถ้าทำไม่เป็นจริงๆ เจ๊เมาธ์ก็แนะนำว่าให้คนอื่นที่เขาทำได้ดีกว่ามาทำแทนก็น่าจะดีกว่าเจ้าค่ะ
*** นาทีนี้หุ้นที่ร้อนแรงที่สุดในตลาดน่าจะเป็น ZIGA ของเสี่ยหนุ่ย “ศุภกิจ งามจิตรเจริญ” ที่กลับมาวิ่งแรงอีกครั้ง หลังจากที่ถูกเตะตัดขาจากประเด็นหุ้นเหมืองขุดบิตคอยน์ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งการขยับราคาหุ้นของ ZIGA ในรอบนั้นมีนักลงทุนที่ผ่านเข้ามาในวงจรการเป็นผู้ถือหุ้นอยู่หลายราย เด่นที่สุดก็น่าจะเป็น “สมพงษ์ ศิลป์สมบูรณ์” ที่มาอยู่ได้ไม่นานก็จากไปพร้อมกับกำไรหลายสิบล้านบาท ซึ่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีนักลงทุนใหญ่รายไหนผ่านเข้ามาในวงจรการขยับตัวของ ZIGA ในรอบนี้อีกบ้าง แต่ที่แน่ๆ ในทำเนียบผู้ถือหุ้นปัจจุบันของ ZIGA ก็มีชื่อของ “ชูชาติ เพ็ชรอำไพ” นักลงทุนใหญ่ ซึ่งเป็นทั้งผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MTC สอดแทรกเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาโดยที่ไม่ได้หนีหายไปไหนเช่นกัน
*** การที่ GULF ของเสี่ยกลาง “สารัชถ์ รัตนาวะดี” ขยับตัวเข้าไปอยู่ในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านทางบริษัทลูกโดยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในการดำเนินธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย รวมถึงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล BNB และ ธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกับ Binance ส่งผลกระทบไปถึงดีลใหญ่ของทาง SCBX ที่เคยประกาศว่าจะซื้อหุ้นของ Bitkub ในอัตราส่วน 51% ด้วยวงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเมื่อยิ่งทิ้งเวลาให้ผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้มีผู้เล่นในตลาดที่เพิ่มมากขึ้นก็ทำให้ความน่าสนใจของ Bitkub น้อยลงตามไปด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เจ๊เมาธ์ยังคิดว่าดีลใหญ่ระหว่าง SCBX กับทาง Bitkub จะไม่ถึงกับล้มลงไปโดยเห็นผลเพียงแค่นี้ เพียงแต่อาจจะต้องมีการคุยกันในรายละเอียดเรื่องผลประโยชน์ที่ทาง SCBX ควรจะได้มากขึ้นกว่าที่เป็นหรือไม่ก็อาจจะเพื่อให้ได้จ่ายเงินน้อยลงไปอีกสักหน่อยนั่นเอง
*** สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่อเค้าว่าจะยืดเยื้อมากกว่าที่ประเมินเอาไว้ ทำให้ราคาสินค้าปิโตรเลียมทั้งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติต่างก็สร้างฐานราคาใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องเช่น PTTEP และ SEAOIL รวมถึงโรงกลั่นอย่าง TOP BCP SPRC ESSO หุ้นถ่านหิน BANPU LANNA AGE ต่างก็ได้อานิสงส์ตามไปด้วย
แต่ถ้าในมุมมองของเจ๊เมาธ์ เจ๊ยังคงเห็นว่า PTTGC เป็นหุ้นอีกตัวที่ดูดีเพราะถึงแม้ว่าต้นทุนในการผลิตของ PTTGC จะสูงมากขึ้นตามราคาปิโตรเลียม แต่เนื่องจากธุรกิจของ PTTGC ยังมีส่วนของรายได้ที่มาจากการกลั่นน้ำมันอยู่ถึง 30% รวมไปถึงราคาหุ้นที่ปรับร่วงลงมาอย่างต่อเนื่องยาวนานก็ทำให้ PTTGC น่าสนใจมาก เพราะแม้ว่าราคาหุ้นจะไม่ขยับ...แต่อย่างน้อยก็ยังมีปันผลเจ้าค่ะ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,776 วันที่ 21 - 23 เมษายน พ.ศ. 2565