ส่องโรงแรมใต้ดินลึกที่สุดในโลก (3)

24 ก.ค. 2567 | 07:59 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ค. 2567 | 08:12 น.

ส่องโรงแรมใต้ดินลึกที่สุดในโลก (3) : คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย...ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4012

ตอนก่อน ผมพาไปส่องห้องพักของโรงแรม InterContinental Shanghai Wonderland มาแล้ว วันนี้เราจะชื่นชมความว้าวในส่วนอื่นๆ และกิจกรรมพิเศษที่ช่วยสร้างสีสันกันครับ ...

โดยที่การออกแบบและตกแต่งห้องพักโดยรวมอยู่ในสไตล์โรงงานที่มี “ความดิบ” เพื่อสะท้อนภาพความเป็นเหมืองเอาไว้ แต่คง “ความหรูหรา” ของโรงแรมระดับ 5 ดาวเอาไว้ เพื่อสื่อสารถึงแรงบันดาลใจและแนวคิดจากการเป็นเหมืองเก่า เราจึงเห็นการใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่มีลักษณะเฉพาะในแต่ละห้อง อาทิ โคมไฟสไตล์วินเทจ เฟอร์นิเจอร์หนัง และ อุปกรณ์ภายในห้องที่คุมโทนสีเข้ม

ขณะเดินไปในแต่ละส่วนของโรงแรม เราจะสังเกตเห็นงานออกแบบตกแต่งภายใต้แนวคิดดังกล่าว แทรกตัวเข้าไปในแต่ละมุม จนบางครั้งผมรู้สึกว่า บางจุดมืดเกินไปเสียด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ดี โถงกลางหรือ “ล็อบบี้” อาจถือเป็น “ข้อยกเว้น” สำหรับแนวคิดในการตกแต่งดังกล่าว เพราะเพียงก้าวแรกที่เดินเข้าสู่ตัวโรงแรม ท่านก็จะสัมผัสกับล้อบบี้ที่มีความโอ่โถงและมีชีวิตชีวา

เมื่อมองตรงเข้าไปในบริเวณกลางโถง ก็จะเห็นน้ำตกสายที่ยาวจากเพดานโถงถึงพื้นทางเดิน พร้อมเสียงสายน้ำที่กระทบกันเบาๆ ทั้งนี้ โรงแรมได้จัดแสดงดนตรีสด พร้อมโชว์สายน้ำที่สลับสีตามอารมณ์เพลงวันละ 4-5 รอบ หรือทุก 2-3 ชั่วโมงของแต่ละวัน

หากท่านอยากเพลิดเพลินในสุนทรียภาพด้านดนตรี และ สายน้ำดังกล่าว และวิวที่เป็นธรรมชาติของหลุมยักษ์ จากมุมสูงในมุมกว้าง ก็อาจหาที่นั่งเหมาะๆ ที่บริเวณ “She Shan Lounge” (ห้องนั่งเล่นเสอซาน) ที่อยู่ติดกับล็อบบี้ หรือเดินออกไปนอกชานในส่วนนี้ก็ได้ 

การมองจากพื้นที่ส่วนนี้ จะให้มุมกว้างที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละช่วงเวลาของแต่ละวัน และฤดูกาล เช่น ยามเช้าตรู่ในบางฤดู ก็อาจมีหมอกลอยวนอยู่รอบบริเวณหลุมยักษ์ หรือ ยามมีฝน ก็อาจเห็นลวดลายของผาหินที่มีสีเข้ม และน้ำฝนที่ไหลเป็นทางยาว เพียงแค่นี้ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านก็ “ว้าว” แล้ว

แต่ผมขอเตือนก่อนว่า หากท่านสั่ง “My Coffee” ที่ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมตั้งชื่อไว้ ท่านจะตะลึงพรึงเพริด และใช้เวลานานกว่าปกติ เมื่อพนักงานนำเอากาแฟมาเสิร์ฟอย่างแน่นอน รวมทั้งยังอาจเมื่อยแขนได้เวลาจะดื่มแก้วกาแฟขื้นดื่ม แก้วกาแฟใหญ่ขนาดไหน ต้องให้ท่านไปลองเองครับ

แต่หากท่านอยากจิบเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และปล่อยอารมณ์ไปในบรรยากาศที่แตกต่าง ก็อาจแวะเวียนไปที่บาร์ที่ให้ความรู้สึกราวกับตั้งอยู่ในเหมืองหิน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเคาน์เตอร์และเก้าอี้ที่ดูดิบและใช้โทนสีที่เคร่งขรึม การเลือกใช้วัสดุ และการใช้แสงและเงาภายในพื้นที่

นอกจากนี้ โรงแรมยังลงทุนก่อสร้างสระว่ายน้ำในร่มที่มีทิวทัศน์ภูเขาเป็นฉากหลัง โดยเลือกใช้กระจกใสเป็นผนัง เพื่อเปิดรับบรรยากาศจากภายนอก ส่วนฝ้าและเสาจะก่อสร้างให้เป็นเสมือนหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นในถ้ำ ทำให้ลูกค้าสัมผัสบรรยากาศและประสบการณ์การว่ายน้ำที่แปลกใหม่ 

นอกจากห้องอาหารจีน “Cai Feng Lou” (ไฉ่เฟิงโหลว) ที่ผมเกริ่นไปเมื่อตอนก่อน อีกร้านหนึ่งที่ผมประทับใจในบรรยากาศอย่างมากก็คือ ร้าน “Mr. Fisher” (มิสเตอร์ฟิซเชอร์) ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำในหลุมยักษ์ลงไปหนึ่งชั้น ภายในร้านตกแต่งด้วยตู้ปลาจำนวนมาก 

ผมเชื่อว่าหากท่านผู้อ่านมีโอกาสไปแวะร้านอาหารแห่งนี้ ก็จะรู้สึก “ว้าว” เพราะเพียงไม่กี่ก้าวที่เดินเข้าไปในห้องอาหารนี้ ท่านผู้อ่านก็อาจรู้สึกเสมือนอยู่ใน “โลกใต้ทะเล” แล้ว ท่านจะได้สัมผัสตู้ปลาขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึง 10 เมตร และแต่ละตู้เต็มไปด้วยสัตว์น้ำหลากหลายสายพันธุ์ที่สวยงามและแปลกตา เช่น แมงกระพรุน ปลาการ์ตูน และอื่นๆ แถมตู้ปลายังปรับเปลี่ยนสีเป็นระยะ

ยิ่งหากท่านนั่งรับประทานอาหารในร้านแห่งนี้ ลูกค้าจะเพลิดเพลินไปกับการสำรวจโลกใต้น้ำ และมองเห็นปลาและสัตว์น้ำว่ายผ่านไปมา ซึ่งนับเป็นการผ่อนคลายที่พิเศษสุดอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ฝ้าและเพดานที่มีระดับแตกต่างกัน ก็ให้ความรู้สึกคล้ายกับหินที่ถูกน้ำกัดเซาะจนเกิดเป็นชั้นๆ

ในบริเวณใกล้กันก็ยังมีห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่รองรับราว 100 คนอยู่อีกด้วย ห้องนี้สร้าง “ความว้าว” ให้กับผมเป็นอย่างมาก เพราะมีตู้ปลาขนาดยักษ์ตลอดแนวความยาวของห้อง ที่ตกแต่งด้วยปะการังและพืชน้ำ แต่ที่ขาดเสียมิได้ก็คือ ปลาหลากสายพันธุ์หลายร้อยตัวที่ว่ายไปมา โดยในจำนวนนี้มีปลาฉลามสายพันธุ์พิเศษ ที่เคลื่อนไหวไม่มาก 3 ตัวร่วมอยู่ด้วย 

ข้อมูลของโรงแรมระบุว่า ห้องนี้เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ที่คนนิยมเลือกใช้ในการจัดงานพิเศษ อาทิ งานแต่งงาน งานวันเกิด หรือจัดเลี้ยงฉลองในโอกาสพิเศษอื่น 

โรงแรมต้องว่าจ้างนักชีววิทยาทางทะเล (Marine Biologist) จำนวน 2 คน และผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนไว้ทำหน้าที่ดูแลปลาและสัตว์ทะเลเหล่านี้แบบเต็มเวลา ไม่ว่าจะเป็นการให้อาหาร การเปลี่ยนถ่ายน้ำ และการทำความสะอาดตู้ปลา รวมทั้งการตรวจวัดค่าของน้ำอย่างต่อเนื่อง

และเนื่องจากปลาและสัตว์น้ำดังกล่าวเป็นสัตว์ทะเล โรงแรมจึงต้องมีเครื่องทำน้ำทะเลคุณภาพสูงของตนเอง เห็นว่าต้องสั่งเครื่องมาจากต่างประเทศตัวละนับสิบล้านบาทมาเลยทีเดียว

                                 ส่องโรงแรมใต้ดินลึกที่สุดในโลก (3)

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากบอกก็คือ เนื่องจากการขึ้นลงโรงแรมจะต้องใช้ลิฟท์เป็นหลัก ซึ่งระหว่างใช้บริการก็จะเห็นวิวของหลุมยักษ์อย่างเต็มตา แต่ถ้าท่านอยาก “ว้าว” ปน “ตื่นเต้น” มากขึ้น ก็ขอให้รอใช้ลิฟท์ตัวขวาสุด ซึ่งพื้นลิฟท์ส่วนในจะเป็น “กระจกนิรภัย” ที่เปิดโอกาสให้ท่านสามารถมองลงไปด้านล่างของเหมืองขณะขึ้นลงได้ด้วย

ผมประเมินว่า เนื่องจากตัวโรงแรมที่ใช้ในการก่อสร้างคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 1 ใน 10 ของผนังหน้าผาของหลุมยักษ์ นักออกแบบจึงมีการก่อสร้างน้ำตกในฝั่งตรงข้ามเพื่อเพิ่มทัศนียภาพ  

โดยมีการสูบน้ำ “รวดเดียว” จากบ่อลึก 30 เมตร ที่บางคนเปรียบว่าใหญ่ราว “ทะเลสาบ” ขึ้นสู่ตอนบน และผ่านเครื่องกรองน้ำก่อนปล่อยเป็น “น้ำตก” จากยอดหน้าผาที่มีความสูง 88 เมตร

ในกรณีที่มีฝนตกหนักและปริมาณน้ำในบ่อเพิ่มสูงเกินความจำเป็น น้ำที่ถูกสูบขึ้นไป และผ่านเครื่องกรองน้ำก็จะถูกส่งไปตามท่อต่อไปยังแม่น้ำที่อยู่ใกล้เคียงโดยอัตโนมัติ ในทางกลับกัน หากระดับน้ำในบ่อต่ำกว่าระดับปกติ ระบบก็จะดึงเอาน้ำในแม่น้ำดังกล่าวมาผ่านเครื่องกรองน้ำ และปล่อยเป็นน้ำตกเติมให้กับบ่อดังกล่าว

เจ้าของโครงการให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก โดยลงทุนจัดซื้อระบบ และเครื่องสูบน้ำ และเครื่องกรองน้ำขนาดยักษ์มาจากเยอรมนีด้วยเม็ดเงินมหาศาล

ขณะเดียวกัน เวลามองจากตัวโรงแรมออกไปด้านนอก เราจะสังเกตเห็น “บันไดริมหน้าผา” ที่เป็นทางเดินรอบหน้าผาที่เชื่อมต่อจากชั้นล่างของตัวโรงแรมสูงขึ้นไปถึงด้านบนพื้นดินที่สุดขอบหน้าผา ทั้งนี้ ผู้บริหารโรงแรมแจ้งว่า บันไดดังกล่าวถูกใช้เป็น “ทางหนีไฟ” ในยามฉุกเฉินเท่านั้น

มาถึงตรงนี้ ท่านผู้อ่านคงอยากแวะเวียนไปสัมผัสประสบการณ์ที่แปลกใหม่ในโรงแรมแห่งนี้กันบ้างแล้ว คราวหน้าผมจะพาไปส่อง “ลูกเล่น” และสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมพิเศษในพื้นที่ใกล้เคียงกันครับ ...