มุกเด็ดของอู่ยอดนิยมช่างอารมณ์ดี…
ปะยาง แผลละ 20 บาท
เปลี่ยนยางใน 80 บาท
เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง 60 80 90 บาท
เปลี่ยนผ้าเบรค 60 80 100 บาท
เปลี่ยนใจมาหาช่าง “ฟรี!” (ฮา)
น้ำกลั่น 10 บาท
น้ำกรด 20 บาท
น้ำใต้ศอก “ฟรี!” (ฮา)
ตัดโซ่ 20 บาท
ตัดสวาท “ฟรี!” (ฮา)
มุกขำขันนอกโรงหนัง และ คติพจน์สุดปัง ในเนื้อหาของภาพยนตร์ คือ ภูมิปัญญา ที่ครูในแดนยุโรปลงทุนคัดเลือกหนังมาฉายให้นักเรียนชม เพื่อจะถามหาข้อสรุปว่า ได้แง่คิดอะไรที่ไม่มีอยู่ในตำรา การเรียนลัดในรูปแบบ “ครูพักลักจำเชิงประจักษ์” จะช่วยให้เราเรียนรู้ได้รวดเร็วอย่างมีอรรถรส
อาศัยว่า ซูเปอร์กูรู ไอน์สไตน์ ท่านแว่บมาเข้าฝัน ผมก็รีบฉวยโอกาสจัดคติสร้างสรรค์ฝากไว้สักสำนวนหนึ่งเพื่อนำร่องเป็นของขบเคี้ยวเล็กน้อยว่า “เปิดตำราเมื่อวาน สมองผลิบานวันนี้ ลงมือทำดีในวันถัดไป ทำใจไว้เลยว่าเราตามรอยกรุงโรม โหมเถอะโหมใจอย่าเพิ่งเหี่ยว”
ช่วงนี้ขอลดคำว่า หมายถึง เกรงว่าจะคิดลึก เนื่องจากช่วงนี้มีแจกหมายกันเยอะ เสียดายที่เสนอแนะไม่ทัน ถ้าปรับแก้กฎระเบียบสักนิดว่า ผู้ดูแลสามารถจะเลือกเอากระดาษสีชมพูมาพิมพ์หมาย มันจะช่วยลดขัดเขินไปได้ตามสมควร เพื่อนบ้านจะได้ มโน ว่า “สงสัยจะหมายรัก!” (ฮา)
สตีฟ บลูสโตน โหนปริญญามาแจมได้เฉียบมาก “คุณเคยสังเกตไหม เมื่อคุณเป่าหน้าสุนัขเขาจะโกรธคุณ แต่เมื่อคุณพาเขาขึ้นรถ เขาจะยื่นหัวออกไปนอกหน้าต่าง!” สำนวนนี้เตือนใจได้ดี ใครที่เล่นแบบนั้นจัดว่า ใคร่ครวญน้อยไปหน่อย
การเป่าลมจากปากใส่หน้า ท่านสุนัข ไม่โดน งับจมูก ถือว่าชะตายังไม่ตก รำคาญยังพอทนได้ สำคัญตรงกลิ่นที่เป่ามันสุดจะบาดใ จใครบ้างจะยินดีสูดดม ด้วยเหตุดั่งว่านี้ ท่านสุนัข จึงรีบงับโอกาสยื่นหน้ายาวออกไปนอกหน้าต่างรถ เพื่อสูดโอโซนชดเชยย้อนหลัง (ฮา)
จอร์จ คาร์ลิน ท่านนี้ก็ไม่เบา ท่านบอกฝากไว้ว่า “คุณเคยสังเกตไหม ใครก็ตามที่เดินช้ากว่า เจ้านาย คาดว่า เขาโง่ ในมุมกลับกัน ใครก็ตามที่เดินเร็วกว่า เจ้านาย สงสัย เขาปัญญาอ่อน” (อิๆ)
นัยของเคสนี้ก็เข้าข่าย เวไนยสัตว์ ขัดใจ ท่านสุนัข มันต่างคนละมาตราตรงที่ เดินช้า แสดงว่า ไม่ทันกิน หรือ เดินแซง ก็จะเข้าล็อค ไม่ไว้หน้าทันที ใข่ไม่ใข่ก็เข้าข่ายไม่พิจารณาว่า “ใผเป็นใผ”
เรื่องทำนองนี้จัดอันดับได้เลยว่าเป็น “ห้องสมุดชีวิต” ไม่ใช่มุกคาเฟ่ฮาเฮอะไรก็ได้ อาจารย์ที่สอนผมสมัยมัธยมโดน ท่านสุนัข งับหน้ากับคางเพราะหยอกหมานี่แหละ ผู้เฒ่าวัยยาวถึงได้สอนคนวัยเยาว์เอาไว้นานแล้วว่า “อย่าวางใจสัตว์หน้าขน!” ปรารภเรื่องนี้ก็นึกถึงมุกครอบครัว งัดเอามาเล่าชวนหัวสักนิดจะเป็นไรไป
ภรรยามีทีท่าว่าน่าจะได้เวลาปลดปล่อยกุมารทอง จึงครวญครางกับสามีว่า “โอ๊ย… ปวดท้อง ลูกดิ้นจังเลย จะคลอดแล้วนะ รีบพาฉันไปหาหมอหน่อยเถอะ!” สามีก็แซวขัดใจภรรยาว่า “ใจเย็นๆ ถ้าเราตามใจลูกตั้งแต่ตอนนี้ โตขึ้นจะลำบาก มันจะเอาแต่ใจ!” ภรรยากัดฟันรำพึงว่า “ไอ้…เวไนยสัตว์!” (ฮา)
วาทกรรมต่อไปนี้เป็นบท นางเอกตัดพ้อกับพระเอก ในขณะเดียวกัน วาทกรรมดังกล่าวที่เจ้าของเรื่องเขียนไว้ เขาตั้งเข็มทิศมุ่งตรงมาเขย่าภูมิปัญญาของผู้ชมโดยเฉพาะ…
นางเอกตัดพ้อกับพระเอกว่า “พันธุ์บุปผาที่งดงามล้วนงอกเงยขึ้นมาจากดินโคลน ถ้าเจ้ารู้สึกรังเกียจดินโคลนที่ติดตัวข้าว่าชั้นต่ำ แล้วเจ้าเอาดอกไม้เชื้อสายดินโคลนชั้นต่ำไปให้ไอ้ผู้นำยุทธภพในวันเกิดมันทำไม
แผลที่มือเจ้า เจ้ายังไม่มีปัญญาจะลบ แล้วแผลที่ใจข้า เจ้าจะให้ข้าลบมันได้อย่างไรกัน เจ้ารู้ใช่ไหมว่าเพราะข้าทำเพื่อเจ้า ครอบครัวของข้าเกือบต้องตายทั้งตระกูล เพราะทำเพื่อเจ้า พี่ชายข้าตายจากข้าไป เพราะข้าทำเพื่อเจ้า ข้าจึงจำต้องยอมเป็นคนบาปของเผ่า เพราะทำเพื่อเจ้า ข้าจึงถูกไอ้ผู้นำยุทธภพมันบังคับให้แต่งงาน แต่ข้าไม่ยอม..เพราะว่า คนที่ข้ารัก คือ เจ้า!”
จุกคอเลยอ่ะ หากผมเป็นพระเอกในเรื่อง ผมจะคุกเข่าลงไปกราบเท้าแล้วจะกอดไว้ไม่ยอมปล่อย…
วันไหนมีวาสนาได้ติดต่อพระเอกท่านนี้ ผมจะประพันธ์ “บทกวีไฮกุ” (เนื้อหาห้ามเกินสิบเจ็ดคำ) แล้วจะหาช่องส่งให้อ่านผ่าน ในไลน์ ซะดีๆ ว่า
“รักมีไว้ให้ใส่ใจ
ใจมีไว้ใส่ความรัก
บวชสิหนึ่งพรรษา!”