แปลกใจไหมว่าทำไมเศรษฐีต้องใจบุญ? แท้แล้วมันเปนการใจบุญก่อนเปนเศรษฐี รีว่า เปนเศรษฐีแล้วค่อยใจบุญ?
คนผู้ใหญ่เก่าๆ อย่างจุติ บุญสูง คนอย่างประโยชน์ เนื่องจำนงค์หาได้ร่ำรวยจากเสื่อผืนหมอนใบ_หามิได้ สองท่านมีบุญมาเกิด เกิดในครอบครัวชนิดว่าคาบช้อน(เงิน/ทอง) มาด้วย
แต่แล้วอย่างไรเล่า?ในชั่วคนที่สองแห่งพวกเขานี้จึงขยายผลความมั่งคั่งออกไปได้มากมหาศาล แถมทุนทรัพย์เก่าไม่ได้ร่อยหรอกลับทบทวีขึ้นมากมาย
จุดเริ่มต้นจะเปนเยี่ยงไรก็ตามเถิด แต่มันมีกระบวนการภายในที่เรียกได้ว่าเมื่อน้อมนำไปในทางกุศลแล้วมักจะได้พบเจอสิ่งประหลาดอัศจรรย์ เช่น มีใจใฝ่ในการให้ทานก็อาจจะถูกเหนี่ยวนำไปให้เจอกับผู้มากทานบารมี อย่างพวกผู้ประพฤติโพธิสัตว์ธรรมสงเคราะห์คนผู้ยาก ก็เปนไปได้
ปวงท่านเหล่านี้มีจิตคิดแต่จะให้ไม่สะสม ดวงจิตว่างโล่งปลอดโปร่งก็ความจริงของธรรมชาติเข้าถึงได้เอง
เช่นว่ามีอะไรอยู่ที่ไหน search engine ในสมองสามารถประมวลผลได้เมื่อสาดส่องสแกนหา เราท่านก็เรียกลักษณะอย่างนี้กันไปว่า ทิพยอำนาจบ้าง หยั่งรู้ดินฟ้าบ้าง
(บรรทัดนี้ก็จะของกราบคารวะอาลัยด้วยกระดาษไฟฟ้าไปถึงพระเดชพระคุณพระเทพวิทยาคม วิ. (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) ผู้ละสังขารออกเดินทางข้ามภพชาติ สั่งเสียหัวใจโพธิสัตวภาวะไว้ว่า “ยิ่งเอามันยิ่งอด_ สละให้หมดมันยิ่งได้” ศิลาจริยวัตรของท่านเปนอย่างไร กระบวนการเปนเช่นไหน ก็ตามเถิด ผลลัพธ์คือกระแสเงินสดผู้คนร่วมกองกุศลทานแก่ท่านเกือบหมื่นล้านบาท โดยไม่มีกระบวนการซับซ้อนไม่มีมารยาทางการตลาด]
พระเดชพระคุณพระราชอุดมมงคล วิ. (เอหม่อง อุตตะมะรัมโภ) บำเพ็ญเพียรทางจิตเอกอุ ประกอบทานบารมีมาแต่เด็กโดยสม่ำเสมอ รักษาสัจจะอธิษฐานบังคับตัวมิให้ขุ่นมัว ย่อมมีดวงจิตสะอาดใสโล่งแจ้งไม่ทึบตัน กระแส Data ความจริงแห่งธรรมชาติ ย่อมไหลเข้าสู่สาระบบของท่านได้ไม่น่าสงสัย เศรษฐีใหญ่ผู้มีใจใฝ่ทานการกุศล อย่างเรือขุดจุติ /อรุณเหมืองแร่ ภูเก็ต เมื่อได้ยินกิตติศัพท์หลวงพ่อ
ด้วยความ ‘อัธยาศัย’ ตรงกันมีหรือจะไม่เร่งไปพบหาคารวะ ?
อันว่าคนภูมิธรรมใกล้กัน มีความเสงี่ยมในวิทยาคุณพอๆกัน เมื่อสบอัธยาศัยมีความนับถือเชื่อใจแก่กัน เรื่องลึกลับที่ไม่เปิดเผยแก่คนนอก ก็ย่อมได้รับการเปิดเผยแลกเปลี่ยน กรณีเศรษฐีใจบุญ กับ พระสงฆ์ทรงสมาบัติก็เปนเอวังด้วยประการฉะนี้ดังว่า
พบกันแล้วทำกิจกุศลด้วยกันแล้วเศรษฐีนิมนต์ท่านไปโปรดที่ภูเก็ต ท่านก็เมตตาสงเคราะห์ชี้จุดขุดแร่ในทะเลด้วยวิชาลึกลับ ทำให้เศรษฐีใจบุญหนุนเนื่องขึ้นเปนถึงมหาเศรษฐี(ใจบุญ)อย่างนั้น
ข้างผู้พากเพียรแสวงโชคด้วยมือเปล่า หาได้เปนเศรษฐีแต่ต้นมือ ผ่านศึกเศรษฐกิจล้มลุกคลุกคลาน ทำเหมืองมา 6 ปี ไม่ได้ผล จนคิดจะขายทิ้ง หลวงพ่อเมตตาไปนั่ง “ดู” ให้ชั่วยามหนึ่งท่านก็เผยว่า ‘ถล่มเขาผิดจุด’ ท่านชี้ให้ใหม่ ทดลองฉีดแร่ดูก็ได้ผลเปนที่น่ายินดีบางคนคนชาติภูมิมาดีพ่อแม่เปนเศรษฐี ติดอยู่แต่ตัวชอบทางอบาย กินเหล้าเมาบ่อน มาทำเหมืองไม่ได้ผลหลวงพ่อให้รับสัจจะเสียก่อนว่าจะเลิกของไม่ดี พอเห็นทำได้แล้วท่านจึงเมตตาชี้จุดให้ไปทำแร่ ฟื้นคืนความเปนเศรษฐีขึ้นมาได้ไม่อายวิญญาณปู่/พ่อ บางคนเชื่อนักธรณีวิทยา ไม่เชื่อหลวงพ่อ ทนทำได้ไม่กี่ปี ก็หมดตัวเลิกกิจการอภิโถ ก็ขนาดปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเก่าแก่ ที่ว่าจบเยอรมันเปนด็อกเตอร์ ภรรยาเปนคุณหญิง ยังถือคติ triple cross check คิด ด้วยตัวเองว่าน่าจะทำได้หนึ่ง นักเศรษฐกิจไปรันfeasibility study ว่าทำได้,สอ /สุดท้ายยังต้องพึ่งผู้ตาทิพย์ว่าที่คิดมาสองรอบนั้น มันจะได้หรือไม่ได้!! สาม//
หากกราบเรียนถามท่านปลัดจากเยอรมันซึ่ง ถือตราจุลจอมเกล้าชั้นสองเปนพระยาพานทองตามประสาเด็กเช้าซี้ ท่านก็คงกรุณาให้คำตอบว่าขั้น feasibility มันมีสมมติฐานกำกับอยู่(โว้ย)ไอ้ที่กูไป ‘ดู’ เนี่ย กูไปขอให้ท่านตรวจว่าสมมติฐานมันเปนจริงไหม ในภาคอนาคต
สมมติฐานมันจะพลิกตะแคงแยงหงายหรือไม่อย่างไร ถ้ามันพลิกไอ้ที่นั่งทำคำนวณมามันก็จบเห่!?
...อ่ออออออ มันอย่างนี้นี่เล่า..
ป.ล. “บางคน” ในที่นี้มีชื่อเสียงและมีตัวตนอยู่จริงหมด หลายคนเปนอีลีท ยังไม่จากโลกนี้ไป จึงจะให้เขียนระบุไม่ได้
พูดถึงว่าหลวงพ่อทำได้นั้นได้แน่ แต่ว่า ทำอย่างไร? คราวรองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณีไปกราบหลวงพ่อได้ถามเรื่องนี้ แทนที่ท่านจะตอบอวดอุตริว่าใช้สมาบัติตาทิพย์ ท่านก็ไพล่ ไปตอบว่า ใช้ตำราโลกวิทู “ตำราโลกวิทู มีบอกไว้” ท่านว่า ณ จุดนี้ก็ต้องออกแรงสำแดงบาปตำหนิพวกรู้ดี แต่ไม่รู้ชั่ว เปนการดักคอเอาไว้ก่อน ด้วยสาธกนิทานดังนี้
สุนทรวจี : “ เอ้ พระนี้เขาไม่ถือศีลห้ารึไง ข้อสื่ห้ามโกหกน่ะ”
สุนทรวาจา : “ทำไม”
สุนทรวจี : “อ้าว ก็เวลาถามเรื่องปาฏิหาริย์ ว่าทำได้ยังไง ก็บอกว่าเปล่า ดูจากตำราเอามา
- ก็มันเห็นๆอยู่ว่ามันปาฏิหาริย์”
สุนทรวาจา : “ข้อ4 พระคงถือแหละมั้ง แต่มันมีข้อ 224 อีกนี่หว่า ที่ห้ามอวดอุตริมนุสสธรรม”
ดังนั้นความละเอียดแยบคายในสีลพรตปรามาส มันคนละสเกลกัน อย่าไปเอาไม้เมตรมาวัดขนาดตัวอะมีบ้าเลย
ตำรา โลกวิทูคืออะไร?
ก็เรียกได้ว่าเวลาสวดมนต์ต้องเจอคำนี้ ‘โลกะ วิทู อนุตตะโร ปุริสสะ.
โลกวิทู แปลว่า รู้แจ้งโลก ตำรานี้พูดภาษาชาวบ้านก็คือตำราฮวงจุ้ยฝ่ายมอญ!
ดังได้กล่าวแล้วว่าหลวงพ่ออุตตมะนั้นเปนผู้สมองดีและมีความพากเพียรสูง ท่านเรียน_เพียร_และจำ นำมาประยุกต์ใช้ได้ วิชาโลกวิทูนี้ บอกความเปนไปของธาตุในธรรมชาติ สายน้ำ พายุ ต้นไม้เปนวิชาจัดวางให้อยู่สุขอยู่สบายไม่ติดขัดพลังงานธาตุที่ตั้ง
ขอบคุณภาพสวยจาก phuketcity (ต่อตอนหน้า)
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 หน้า 18 ฉบับที่ 3,931 วันที่ 15 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2566