..เจ้าช่อไม้ดอกเอ๋ย เจ้าช่อดอกขจร นกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำนี้จะนอนไหนเอย..
ลำนำลัลลาบายกล่อมเด็กนี้ล่องลอยมาในวันฝนแรกแห่งเดือน พฤษภา เปนวัน_เวลาที่ประดาสมาชิกบ้านเขาใหญ่ยูงทองกำลังลงผาลไถดินยกร่อง ทำการปลูกดอกขจรคัดสายพันธุ์เปนเจ้าแรกๆแห่งเมืองปากช่อง
เจ้านกขมิ้นมันมีสีเหลืองอ่อน คงจะอ่อนเหมือนสีดอกขจรยามบานสะพรั่งพวง นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน? ในกรณีนี้ก็คงจะนอนตามช่อขจรกระมัง เพราะสีดอกพวงพุ่มแห่งมันคงกลมกลืนห่มปกพรางตาให้นกขมิ้นปลอดภัยจากนักล่าอื่นๆได้เป็นอย่างดี
เดิมทีดอกขจรนี้เรียกกันว่าดอกสลิด ทางราชการบ้านเมืองได้เปลี่ยนชื่อดอกสลิดเปนจรเสียตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบได้ บางบ้านเรียกดอกข้าวสาร ทว่าอย่างไรก็ดีถึงชื่อจะเปลี่ยนไป แต่รสชาติยังคงหวานกรอบหอมละไมเหมือนเก่า
ก่อนนี้ที่ถึงศูนย์การค้าราชดำริอาเขต สมัยที่ยังเพื่องฟูหรูหราด้วยห้างไดมารูอยู่ข้างในตามผู้ใหญ่ไปเดินซื้อของห้างในที่แห่งนี้ จะมีร้านกวยจั๊บน้ำใสแสนวิเศษเจ้าหนึ่ง เขาทำกวยจั๋บสีขาวผ่องลอยในน้ำแกงใสเช็ง ลอยเครื่องในหมูทำสะอาดหั่นชิ้นพอดีๆ พิเศษสุดด้วยช่อดอกขจรสดวางบนน้ำแกงร้อนกรุ่น ควัน มันเปนความสวยงามหมดจด เเห่งสีสันและความน่าประทับใจที่พุ่มช่ออันน่ากินนั้นวางอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแห่งรสชาติทางปากลิ้นและสายตา
ทว่าตั้งแต่สายลมแห่งกาลเวลาพัดโรย ราชดำริอาเขตก็จางหาย ร้านกวยจั๋บดอกขจรเลือนลับไป ไม่มีผู้ใดเคยเห็นกวยจั๊บร้านไหนทำตามอย่างร้านนี้อีกเลย ในเมื่อไม่ได้กินดอกขจรลอยหน้าอย่างนี้มานานแล้ว ก็อาศัยดัดแปลงใส่ก๋วยจั๊บญวนที่ทำง่ายกว่า กินรฤกความหลังท่าจะดี
เมนูกวยจั๋บญวนดอกขจร
เอาโครงไก่ข้อไก่ต้มน้ำซุปใส่เกลือเม็ดเข้า ชุดยาจีนต้มไก่จากตลาดวางลงไป กระดูกหมู รากผักชีกระเทียมหัวพริกไทย กระเทียมดอง ตามลงหม้อ ตั้งไฟรุมๆแล้วช้อนฟองออกบ้าง ค่อยเติมเห็ดหอมและลำไยแห้ง ปรุงด้วยซีอิ้วขาว ใส่เส้นญวนและโรยหอมเจียว ผักชีซอย วางหมูยอลวกชิ้นเขื่องๆ ประดับด้วยดอกไม้กินได้ของเราคือดอกขจร ลวกน้ำซุปรับประทานโดยสดชื่นและสวยงามวัน_เวลา
สิบปีก่อนนี้หากจะได้เดินทางไปภาคไหนๆ ของประเทศเรา ถ้าได้เข้าตลาดซื้อผักหญ้าแล้วละก็ ท่านอาจจะยังคงได้เห็นพ่อค้าแม่ขายเก็บดอกขจรพวงเล็กพวงน้อย ใส่กระทงใบตองวางขายอยู่เหมือนกัน วิธีทำกินก็ไม่ได้แตกต่างกัน มักเปนเครื่องเคียงน้ำพริกด้วยการลวกหรือตีน้ำมัน บางท่านลวกราดหัวกะทิ บางทีเกิดความอยากจะกินเครื่องทอดจิ้มน้ำพริกบ้าง ดอกขจรก็จะปฏิบัติหน้าที่คล้ายดอกโสน และ มะเขือยาว คือถูกชุบไข่ทอด กินพร้อมปลาทูมัน ข้าวสวยหุงร้อนๆ
เมืองเหนือหยิบมาใส่แกงแค โขลกพริกแกงน้ำปลาร้ากรอง และเถาตะคร้านสักนิด ปนไปกับประดาผักสดต่างๆซึ่งเอามาลวกมาแกงในหม้อแคนั้น_อ้อ ใส่ใบชะพลูหอมหวล กินกับข้าวนึ่งร้อนๆ กินอร่อยกินลำ เหมาะนัก ภาคกลางใส่ทั้งในแกงส้ม แกงเลียง ฝ่ายจีนใส่แกงจืด
ดอกขจรบานแล้วสวยงามเปน พุ่มพวง แต่แม่ครัวบอกว่า เอาไหว้บูชาพระเหมาะกว่าเอามาทำกิน ! หนอย!!
เมนูดอกขจรบานแล้วชุบแป้งทอด
กินเป็นกับหรือกินเป็นแกล้มหรือกินเป็นของว่างยามบ่ายก็ดี มีทำให้อร่อยกว่าการชุบแป้งธรรมดาได้ด้วยการเติมไส้ลงไปให้สักหน่อย
เนื้อกุ้งสดชิ้นเล็กๆ หมูสับปรุงรส ใส่น้ำมันงานิด ๆ ยัดไส้ให้กับดอกขจรแย้มบานได้ตามใจชอบ ดอกขจรบานแย้มมีโคนดอกลึกพอให้ไส้ลงไปอยู่ได้นิดหน่อย ดอกตูมก็ปล่อยเอาไว้ตามเดิม เพราะเราจะชุบแป้งทั้งช่อเลย ต้องเด็ดออกเป็นดอกเดี่ยว ทอดไฟกลางน้ำมันลอย กินกับ น้ำจิ้มหวาน น้ำจิ้มเทมปุระขิงขูดก็ได้ ง่ายหน่อยกินเปนเหมือดเคียงขนมจีนน้ำพริกกุ้งสด!
ขจรเปนไม้เถาเลื้อยที่มีอายุหลายปี แต่ละปีจะเก็บดอกได้หลายรุ่น ช่วงฤดูฝนจะมีดอกชุก ติดช่อดอกทุกข้อทีเดียว เวลาบานไล่ๆ กัน จะได้กลิ่นหอมช้วยมีละอองมิ้นต์ชื่นใจ ขจรเขาใหญ่เลี้ยงไว้เพียงดันเดียวให้ไต่บนซุ้มไม้ชบาหน้าประตูบ้าน แม้จะมีดอกไม่กี่ช่อก็ยังหอมเผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนบ้านข้างเคียง
ได้กลิ่นดอกขจรนี้ทีไรคิดถึงสุภาพสตรีผู้ใหญ่ฝ่ายเหนือตั้งแต่บ้านเมืองตากขึ้นไปเชียงใหม่ คุณพี่คุณป้าคุณย่าคุณยายที่นั้น สมัยหนึ่ง ท่านจะทัดหูเก็บมวยผมด้วยดอกขจรแทนช่อเอื้อง สวยหวานและหอมกลิ่นเกสรดอกขจรโสรัจจะ
ขจรแต่ละดอกมีห้ากลีบเหมือนดาวน้อยๆ ร้อยเปนช่อกลม ช่อขจรเปนแบบซี่ร่ม คือก้านช่อดอกย่อยมันยาว โคนก้านรวมเปนกระจุกเดียวกันแต่ปลายแยกออกเปนดอกเดี่ยว ๆ หลายดอก ยามบานดอกจะบานจากรอบนอกเข้ามาข้างใน ดอกแก่จะมีสีเหลืองอ่อนทีละนิดๆๆแกมส้ม ดอกอ่อนตูมจะมีสีเขียวแกมเหลือง
ศิลปินช่างดอกไม้มีอารมณ์ละเอียดอ่อนค่อยๆเก็บดอกจากพวงทีละดอกเอามากรองเปนมาลัยบ้าง เอามาร้อยเปนดอกข่าบ้างสำหรับดอกบาน เปนของบูชาท่านผู้มีคุณ
ถ้าหากเก็บมาทำอาหารไม่จำเปนต้องเลือกแก่อ่อนเลยเก็บทั้งช่อนั่นแล ถ้าดอกออกแล้วล่ะก็จะเก็บเกี่ยวกันไม่ทันเลยทีเดียว ท่านผู้ปลูกน่าจะควรทิ้งให้ดอกติดผลเปนผลฝักคาดันไว้บ้าง จะได้เปนเมล็ดพันธุ์ทำกินได้อีกต่อไป
ขจรมีดอกขนาดเล็กก็จริง แต่ฝักมีขนาดใหญ่คล้ายฝักของต้นรัก ยามออกแล้วเปนฝักคู่เสียด้วย ภายในฝักเต็มไปด้วยเมล็ดเล็กๆบางๆ เรียงซ้อนกันแน่น ฝักนี้พอแก่ได้ที่ก็จะแตกออกตามยาว ปล่อยให้เมล็ดปลิดปลิวล่องไปตามลม ลอยไปตกที่ไกลขยายพันธุ์ได้ โดยมีเส้นไหมเงินเล็กละเอียดหลาย ๆ เส้น ที่ช่วยพยุงให้เมล็ดเหินลมได้สะดวกแบบเดียวกับเมล็ดดอกรักหรือโมก
ท่านบิดา (พ่อ) เคยเพาะต้นขจรจากเมล็ดที่เก็บฝักใหม่เพิ่งแตก ปรากฏว่าได้ต้นอ่อนเกือบร้อยทั้งร้อย ภาษานักวิชาการท่านว่าเปอร์เซ็นต์การงอกสูง แต่ถ้ามัวปลูกขจรด้วยเมล็ดก็ต้องรอดอก ชักช้าเสียเวลารอกันข้ามปี สู้ปลูกด้วยกิ่งชำไม่ได้เพราะให้ผลเร็วกว่า วิธีชำก็ไม่ยาก ตัดกิ่งขจรแก่ๆ สักกิ่งแล้วแบ่งเปนท่อนสั้นๆ ท่อนละ ๒-๓ ข้อ ตามข้อจะมีรากเกิดขึ้นได้ ถ้าชำกิ่งไว้ในดินชุ่มน้ำและแสงรำไร กระเดี๋ยวสักสิบอึดใจก็เห็นผล
ไม่มีต้นตอให้ชำ? ก็ไม่เป็นไร หาซื้อตามตลาดนัดต้นไม้สักกระถางราคาไม่สูงนัก อยู่ในระหว่าง 50-80 บาท รับรองว่าถึงจะโตช้าแต่คุ้มค่าเงิน ทำค้างหรือรั้วให้สักหน่อย ให้เลื้อยเกาะ รอนกขมิ้น ท่านว่าขจรชอบแดดจัด กิ่งใบไม่หนาแน่น ไม่รุกรานเหมือนอย่างตำลึง อดใจรอสักหน่อยก็จะมีรั้วกินได้เพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง
ถ้ารอไม่ไหวก็ต้องเข้าตลาดหาซื้อขจรสักกระทงหรือสองกระทง แต่มักมีขายเฉพาะฤดูฝน หน้าหนาวไม่ต้องพูดกัน_งดออกดอก 55
ตำราตีน้ำมันเก่าแก่นั้นท่านให้ใช้น้ำมันทอดปลา จะปลาอะไรก็ได้ เอาปลาไปกินแล้วเหลือน้ำมันเอาน้ำมันนั้นแหละมา ตั้งกระทะให้ร้อนๆแล้วโรยเกลือลงนิด จากนั้นเอาดอกขจรลงไปผัด อย่างไว พอน้ำมันเคลือบใสเงาดีก็ยกขึ้น
ส่วนที่ร้านคำเสน่ห์ แดนมอญริมน้ำสามโคกปทุมธานี ได้ดอกขจรแล้วท่านว่า ควรผัดน้ำมันหอยใส่กระเทียมพริกสดธรรมดา เพื่อลูกค้าโอชาและกำซาบรสชาติจากธรรมชาติสร้างสรรค์ รับประทานกับเครื่องดื่ม 0% จากสาธารณรัฐเชก นามว่า บัดไวเซอร์ สดชื่น แก้กระหายคลายร้อนดีนัก
มื้อหน้าอาฆาตไว้ว่าจะขอเปนแบบผัดไข่ดูบ้าง ดอกขจร หรือดอกสลิดนี้นับเปนผักชนิดหนึ่งที่มีวิตามิน มากมาย ทั้ง วิตามิน A, B, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส จึงนับเปนอีกหนึ่งอาหารผักที่มีประโยชน์ คนไทยสมัยก่อน เมื่อมีอาการเวียนหัว เมาแดด เปนหวัด เจะนิยมกินดอกขจรเพื่อดูแลตัวเอง เพื่อบำรุงระบบทางเดินโลหิต ว่ากันว่าดอกขจรมีคุณสมบัติเสริมสร้างเม็ดเลือดขาว และเม็ดเลือดแดง ทำให้เซลล์ได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ ระบบไหลเวียนได้ดี เป็นการบำรุงหัวใจอีกทาง และช่วยเพิ่มภูมิต้านทานแก่ร่างกาย
บ่ายนี้นึกถึงว่าดอกขจรเก็บมาสดๆน่ากินควรทำอย่างไร ปรึกษา เชฟชัยพล ลูกชายร้านจิรธร ผู้อบไก่ดำปารีสได้เอร็ดอร่อยลือนาม ได้รับคำแนะนำว่า ควรจะกินอย่างหน่อไม้ขาวชิแคโก้สิครับ
แต่แปลงซอสให้หนักกว่าฮอลันเดสสักหน่อย ใส่ไข่แดงสดและปลาแองโชวี่สเปญ โรยเบคอนบิท
ว่าแล้วแกก็จัดแจงโรยน้ำมันมะกอกใสใส่กระทะก้นลึก เอาดอกขจรทั้งช่อล้างโซดาให้สะอาดกรอบดีสะเด็ดน้ำลงไปกริลล์ บดเกลือหิมาลัยนิดพริกไทยหน่อย พอเริ่มเกรียมยกขึ้น แล้วหันมาปรุงซอสไข่แดงสด ดีน้ำมันดอกทานตะวัน ปลาเค็มสเปญ พริกไทโขๆ แล้วบีบมะนาว ปนน้ำส้มสายชูตัดเกลือ
แต่งจานออกมาสวยงาม โรยเบคอนกรอบ รับประทานกับเหล้าองุ่นมุสกาโต้พรายฟอง แหมมันช่างหอมหวนหวานใสศิวิไลซ์สดชื่น ควรได้ชื่อว่า warm salad_ดอกขจร แห่งเขาใหญ่!