เดอะ ไดน์นิ่ง รูม เอราวัณ

หลายๆ สิบปีก่อนในสมัยยุคจอมพล บ้านเมืองไม่มีที่รับรองแขกบ้านแขกเมืองมากพอ จอมพลท่านเลยว่าควรให้ตั้งรัฐวิสาหกิจขึ้นมาสักเจ้าทำหน้าที่พัฒนาและบริหารโรงแรมกลางเมือง คณะจอมพลให้ชื่อว่า โรงแรมเอราวัณ ตั้งอยู่บนที่ดินแยกราชประสงค์ ทว่าพอลงมือแล้วการก่อสร้างมีแต่ปัญหา ตั้งแต่เปิดทำก็มีแต่เรื่องยืดเยื้อไปเรื่อย คนเจ็บก็มี งานก็ไม่เดิน แลดูว่าเรื่องมันชอบกล จนคดีลึกลับนี้ไปถึงมือ พลเรือตรี หลวงสุวิชานแพทย์ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือยุคนั้น ซึ่งเปนที่รู้กันว่าท่านมีคุณวิเศษทางจิต (ท่านผู้นี้เปนน้าแท้ๆของ พระราชพรหมยาน_ฤาษีลิงดำ และเปนผู้สร้างให้ท่านได้เปนทหารเรือ เมื่อยังหนุ่ม)

 

 

คุณหลวงนายพลท่านนั่งญาณแล้ว พบว่าชื่อโรงแรมนี้แรง เปนชื่อชั้นสูงไม่ใช่สำหรับคนเดินถนน ท่านหาทางแก้โดยการตั้งศาลอัญเชิญพระพรหมเอราวัณมาประทับ และแล้วประดาอาถรรพ์ต่างๆก็คลี่คลาย กลายเปนร่มเย็นสุขสงบสวยงาม จนสมัยนี้ใช้ชื่อว่า แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ

มาบัดนี้พวกเจ้าหนูต่างๆสำเร็จปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ จากจุฬาบ้าง นิติศาสตร์ บ้าง จะพากันไปกินเลี้ยงที่โรงแรมทันสมัยใหม่เอี่ยมก็ห้องบุฟเฟ่ต์ปิด เลยว่าพากันมาเอราวัณดีกว่า บรรยากาศ classy มลังเมลืองดีจะตาย ไหนจะมีทั้งแกะ ทั้งเนื้อ ทั้งปลา มีก้ามปูทะเล กะเพาะปลา แล้วยังจะเนยแข็ง แฮมพาม่า ประดาลูกแคนตาลูป หอยอีรม ปลาดิบ ฯลฯ

 

 

เที่ยงนี้ห้อง เดอะ ไดน์นิ่ง รูม คงความอลังการผ่านกาลเวลา มีต้นไม้เมืองร้อนสยายใบบนพื้นหินดำขลับ ตั้งสำรับบุฟเฟ่ต์ไว้รอท่าเริ่มจากออร์เดิร์ฟกันก่อน ประดาเครื่องดื่มเท่ๆเขามีปรุงพิเศษให้ เช่น น้ำขิงสดน้ำกระชายสดปรุงน้ำผึ้งโซดา เสิร์ฟเย็นๆ มีคำน้อยเรียกน้ำย่อยอย่าง ไข่ปลาแซลมอนวาวๆดองน้ำปรุงห่อสาหร่าย หอยเชลล์ใหญ่อบเนยแข็ง แม้กระทั่งแกงปูใบชะพลูใส่เส้นหมี่ ! สักคำก่อน แล้วจึงค่อยจะเดินทอดน่องไปเลือกปวงอาหารเลิศรสมารับทาน

เริ่มที่หอยอีรมสดนำเข้าหน่อนเปนไร รับประทานแบบไทยใส่หอมเจียว พริกกระเทียมตำก็วิเศษ หรือจะลองแบบที่เชฟทำใส่เยลลี่สาหร่ายคอมบุแช่อิ่มรสเปรี้ยวหวานก็อร่อยสดชื่น

น้ำย่อยมาแล้วก็ต้อง กระเพาะปลาน้ำแดงที่ใช้กระเพาะปลาแท้ตัวเรียวตุ๋นน้ำซุปใส่เห็ดหอม หยิบผักชีโรยนิด แล้วค่อยไปคีบฮะเก๋าเด้งๆ มาแนบเข้าปาก จะป้ายมัสตาร์ดเหลืองฉุนสักหน่อยก็อร่อยเปนบ้าต่อด้วยของแขกคำสองคำ อย่างแกงแกะ โรกันจอร์จ กินกับปิต้าเบรด และฮัมมุส ผักแท่ง กับดิปโยเกิร์ต หนักกว่านี้มีข้าวอบข้าวผัดอีกมาก มุมอาหารไทยมีไปตั้งแต่ยำส้มโอ ผัดต่างๆยันแกงเผ็ดรสนุ่มนวลกินกับเป็ดย่างหนังสวยได้ที่ดีแล้ว ขอเชิญตักกุ้งแดงลวกแช่เย็น กับกั้งหิน มากินเล่นๆกับแซลมอนดิบ เคียงด้วยเนื้อปลาฮามาจิสไลด์ แล้วจึงไปว่าการแอนติปาสตี้อิตาเลียน ทั้งสลัดอกเป็ดส้มสด ยำปลาหมึกอ๊อกโตปุสน้ำมันมะกอก มาอีกสองสามคำ ตามด้วยแซลมอนรมควันกับลูกเคเปอร์ และพาร์ม่าแฮม /ซาลามี กับ แคนตาลูปหวานหอม ขนมปังอบใหม่ๆ มีทุกสไตล์ให้เลือกสรร เนยสดของแท้ น้ำมันมะกอกอย่างดีให้เลือกพร้อมน้ำส้มฝรั่ง ทั้งองุ่นขาว และองุ่นดำบัลซามิก โรยผักสดต่างๆเย็นๆกรอบๆ

 

 

ล้างปากเสียหน่อยด้วยประดาไอศกรีมถ้าไม่ชอบของเย็นเขาก็มีแม้กระทั่งสับปะรดหั่นเต๋าจิ้มฟองดูว์ช็อกโกแลต ไว้ให้สดชื่นใจดีแล้วจึงขึ้นจานหลังอย่างเบาเปนปลากระพงใหญ่ทั้งตัวอบซอสขาว รับประทานกันกับกราแต็ง หรือไม่ก็พาสต้าหลากหลายซอส ท่านที่กินวัว ขอเชิญไปที่มุมเซอร์ลอยด์ทำย่างทำแล่กันต่อหน้า ข้างพระเอกขอยกให้โครงแกะย่างหวานๆฉ่ำๆ หอมโรสแมรี่ กินกับเมล็ดมัสตาร์ดดอง และเยลลี่สะระแหน่ ราดเกรวี่รสวิเศษ แนมด้วยมันฝรั่งลิ่ม (potato wedge) ทอดพองปรุงรส

อีทีนี้วันนี้เปนวันอาทิตย์ ตามธรรมเนียมแล้วจะต้องมีปูทะเลนึ่งสดๆ เรียกหาเข้าก็จัดมาบริการทันใจ ปูทะเลทั้งตัวสีส้มสวยทุบก้ามมาให้พร้อม รับประทานกับจิ๊กโฉ่ก็ไม่เลว กับ วาซาบิเจือน้ำปลาถั่วก็อร่อยมาก ตัดรสด้วยเนยแข็ง ทั้งบรีส์ และเกาด้า กินกับถั่วฮาเซลนัท ผลไม้เชื่อมช่วยย่อย

 

 

ท่านที่พ้นจากภัยเบาหวานแล้ว ขอเชิญไปมุมของหวานมีทาร์ตราสพ์เบอรี่_บลูเบอรี่สดๆใส่ครีม กับสารพันเค้กต่างๆแม้กระทั่งชีสเค้ก และ มาร์ชเมลโล ไอศกรีมพิสตาชิโอ้รสดี ช้อกโกแลตทั้งเข้มทั้งขาว สิบอย่าง ข้าวเหนียวมะม่วงต่างหาก เหมาะนักกับกาแฟสดชงร้อนๆขมๆ

ส่วนท่านที่ไม่ดื่มกาแฟ น้ำชาชนิดต่างๆมีให้เลือกสรร ดื่มกับผลไม้สดๆ ที่หั่นมาบริการอย่างลูกมะละกอฮาวาย บีบมะนาวไทย 2-3 หยด ตัดรสตัดกลิ่นตามมาตรฐานสากล ก็เปนอีกหนึ่งภาพความทรงจำในวันดีๆที่น่าจดจำไปอีกแสนนาน