บทเรียนอันเกิดจากการปรับ ครม.

01 พ.ค. 2567 | 07:00 น.
อัปเดตล่าสุด :01 พ.ค. 2567 | 07:09 น.

บทเรียนอันเกิดจากการปรับ ครม. : คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย..ว.เชิงดอย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3988

*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,988 ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ค. 2567 “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย

*** ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับการ ปรับ ครม. จาก “ครม.เศรษฐา 1” สู่ “ครม.เศรษฐา 2” เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา ประกอบด้วยการแต่งตั้งรัฐมนตรี สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรองนายกฯ และ รมว.คมนาคม, พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง, จักรพงษ์ แสงมณี เป็นรมต.ประจำสำนักนายกฯ, พิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกฯ, จิราพร สินธุ์ไพร เป็นรมต.ประจำสำนักนายกฯ, เผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็นรมช.คลัง, เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา, อรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์, สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์, สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล โยกเป็น รมว.วัฒนธรรม  สมศักดิ์ เทพสุทิน เป็น รมว.สาธารณสุข และ ปานปรีย์ พหิทธานุกร เป็น รมว.ต่างประเทศ

*** ที่น่าสนใจ คือ ภายหลังมีประกาศแต่งตั้ง “ครม.เศรษฐา 2” ออกมาอย่างเป็นทางการ เกิดปรากฏการณ์ “ลาออกฟ้าผ่า” ของ ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่จากเดิมเป็น รองนายกฯ ควบ รมว.ต่างประเทศ แต่ถูก “ปลด” ให้เหลือเพียงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เพียงตำแหน่งเดียว

เบื้องลึกเบื้องหลัง ว่ากันว่า... เกิดจากความรู้สึกว่าเป็นการปรับตำลดตำแหน่งโดยกระทันหัน โดยที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการพูดคุย หรือ บอกกล่าวกันล่วงหน้ามาก่อน ขณะเดียวกันรู้สึกว่า “เหมือนถูกลงโทษ” เพราะรายชื่อที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ลงมานั้น เป็นการปรับรองนายกฯ ออกเพียงคนเดียว ทั้งที่ผลงานในช่วงที่ผ่านมา ก็มีหลายเรื่องที่ผลักดันออกมาอย่างต่อเนื่อง

*** ทำเอาวันรุ่งขึ้น เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาขอโทษ ปานปรีย์ ดังที่ระบุว่า “ผมส่ง message ไปหาท่าน ในกรุ๊ปที่เกี่ยวกับต่างประเทศว่า ผมขอโทษ ถ้าผมทำให้พี่ไม่สบายใจเรื่องอะไร และก็ขอขอบคุณที่ช่วยงานกันมา ได้คุยเมื่อวันศุกร์ได้มีการเชิญหลาย ๆ ท่านเข้ามาคุยกัน ท่านปานปรีย์ ก็เป็นหนึ่งในที่เรียกมาคุยกัน วันนั้นขอให้เป็นเรื่องของการสนทนากันของคนสองคนแล้วกัน ผมมั่นใจว่าผมพูดอะไรไป ผมในฐานะนายกรัฐมนตรีชัดเจนในเรื่องของการบอกกล่าวใครไป ยืนยันว่ารับผิดชอบ” นายกฯ เศรษฐา ระบุ พร้อมบอกว่า รู้จักกันมาเป็น 10 ปี เป็นเพื่อนกัน ส่วนตัวรักชอบกันดี เคารพการตัดสินใจของนายปานปรีย์ การปรับเปลี่ยนหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีย่อมมีคนที่พอใจและไม่พอใจ มีคนสมหวัง และไม่สมหวัง อยากให้โฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ที่ดี 7-8 เดือนที่ผ่านมา นายปานปรีย์ มาแล้วเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ คิดว่ารัฐมนตรีคนใหม่ที่จะมารับหน้าที่แทนก็จะสานต่อ

*** หากพูดกันตรงๆ ปรากฏการณ์ “ลาออก” ของ ปานปรีย์ พหิทธานุกร หลังจากมีพระบรมราชโองการ ก่อนการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน เสมือนเป็นการ “หักหน้า” นายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็น “บทเรียน” ที่ดีสำหรับการคิดอ่าน “ปรับ ครม.” ในครั้งต่อไป... 

                                   บทเรียนอันเกิดจากการปรับ ครม.

*** อีก “เคส” ที่น่าสนใจคือ การปรับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หลุดจากเก้าอี้ รมว.สาธารณสุข พ้นไปเลย ทำให้นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ว่า “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” เหตุเพราะ “หมอชลน่าน” เคยเป็น “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” นำพาพรรคเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ปี 2566 ที่แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ ได้รับเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง แต่ “หมอชล” ก็ทำหน้าที่ “หนังหน้าไฟ” ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เป็นอย่างดี ...เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็น่าเห็นใจ “หมอชลน่าน” มิใช่น้อย...