เมื่อวันที่ 13 ที่ผ่านมา เราคงได้ทราบผลของการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยไปแล้ว ซึ่งถึงแม้ว่าที่นายกฯ ที่เขาจะเดินสายมาตั้งแต่หลังทราบผลเลือกตั้ง เพื่อขายนโยบายให้กับภาคเอกชนเกือบครบทุกแห่ง อีกทั้งเดินสายไปขอเสียงประชาชนผู้ที่ลงคะแนนเสียง เพื่อเลือกพรรคก้าวไกลเข้ามา
แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ยังมีเสียงที่สำคัญกว่า ที่ไม่ยินยอมให้เข้ามาบริหารประเทศ อันมีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติย์ทรงเป็นพระประมุข เหตุผลก็อย่างที่พวกเราก็ทราบๆ กันอยู่ทุกคนทุกฝ่าย !!
ช่วงที่ก่อนการเลือกตั้งและหลังการเลือกตั้ง ผมได้รับคำถามจากเพื่อนๆ ผู้สูงวัย ที่เป็นแฟนคลับอย่างเหนียวแน่น ถึงความเห็นส่วนตัวว่า ผมคิดว่าการเมืองไทยจะเดินหน้าไปทางไหน? ผมต้องบอกว่า ผมไม่ขอออกความเห็น เพราะส่วนตัวไม่อยากเครียดกับเรื่องการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเมืองของประเทศไทยหรือประเทศเมียนมา เพราะผมเชื่อว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างเก่งก็ไม่เกิน 1,000 สัปดาห์
ดังนั้นผมจะไม่ทำให้ชีวิตผมที่เหลืออยู่ ให้เกิดอารมณ์ขุ่นมัวโดยเด็ดขาด จากสถานการณ์ปัจจุบัน ทุกคนในประเทศไทยเรา ได้มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอยู่ 3 ฝ่ายเท่านั้น นั่นคือฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวาและฝ่ายที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดๆ ซึ่งผมเชื่อว่าฝ่ายสุดท้ายนี้ เขาก็มีใจรักชาติเหมือนกันทุกคน เพียงแต่เขาอยากจะอยู่เงียบๆ หรือเหมือนกับผมที่ไม่อยากเครียด จนทำให้อยู่ไม่เป็นสุข
ผมเองเห็นเพื่อนรอบตัวหลายๆ คน พอสนใจเรื่องการเมืองมากๆ ก็ถึงกับเครียดจัด บางคนถึงกับเลวร้ายที่สุด จนส่งผลต่อสุขภาพของตนเองก็มีครับ ซึ่งนั่นอาจจะส่งผลทำให้เกิดโรคซึมเศร้า (Depressive disorder) หรือ โรควิตกกังวล (Anxiety disorders) ได้ในอนาคตนะครับ
เมื่อเรามีภาวะเครียดมากๆ ไม่ว่าจะเกิดจากสภาวะทางการเมือง เศรษฐกิจและความเป็นอยู่ ก็จะทำให้สุขภาพร่างกายแย่ลงเรื่อยๆ จนเกิดอาการ “เครียดสะสม” ได้ ดังนั้นในช่วงระยะเวลานี้ เราต้องมั่นสังเกตพฤติกรรมต่างๆ ของตนเองที่เปลี่ยนไป หรือถ้ามีลูกหลานที่ดูแลพวกเราอยู่ ก็ควรต้องให้เฝ้าสังเกตอาการของผู้สูงอายุอย่างพวกเรา ว่าส่วนใหญ่จะมีอาการดังนี้หรือไม่?
เช่น มีพฤติกรรมการนอนไม่หลับ ตื่นเร็วเกินไป หรือ ชอบตื่นกลางดึก หรืออาจมีพฤติกรรมทางด้านอารมณ์ที่เปลี่ยนไป เช่น นิ่งเงียบ ไม่พูดคุย เบื่อหน่ายชีวิต วิตกกังวล และหน้าตาเศร้าหมอง นอกจากนี้ ยังมีอาการเครียดที่มีพฤติกรรมที่แสดงออกทางร่างกาย เช่น การมีอาการหายใจถี่ขึ้น หรือหายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว บางรายมีอาหารปวดหัวร่วม เป็นต้น
การปล่อยวางให้มากๆ โดยไม่ต้องหมกมุ่นอยู่กับข่าวสารเรื่องการเมืองในช่วงนี้ น่าจะเป็นเรื่องที่ผู้สูงวัยอย่างพวกเราควรจะทำที่สุด เพราะหากเราทำตัวให้สบายใจ อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองมากนัก ปล่อยให้คนที่เขามีหน้าที่ และคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียเขาไปดำเนินการเถอะ ให้คิดไว้เสมอว่า “เราแก่แล้วนะ เรื่องบ้านเรื่องเมือง เขามีคนที่เก่งกว่าเรา มีความสามารถมากกว่าเรา ให้เขาดำเนินการไป” นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคนแก่อย่างเราครับ
หากเราปล่อยวางไม่เป็น ก็อาจจะต้องเสี่ยงต่อเนื่องจากโรคที่จะตามมา เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเส้นเลือดในสมอง อีกทั้งหลายๆ โรคแทรกซ้อนที่มากับความเครียด ยังมีอีกเยอะมากครับ ส่วนวิธีที่จะทำให้ไม่เครียด ก็มีอยู่หลายวิธี อยู่ที่เราจะสามารถข่มใจให้สงบได้หรือไม่? ทั้งหมดก็อยู่ที่ตัวเราละครับ โดยส่วนตัวผม ผมเองก็มีวิธีการที่จะทำให้สงบได้ ถ้าใครอยากจะนำไปดำเนินการก็ได้นะครับ ผมไม่สงวนลิขสิทธิ์ครับ
วิธีแรก ก็คือพยายามดูทีวีเฉพาะโปรแกรมกีฬา หรือเกมโชว์ที่ตลกๆ แล้วห้ามดูข่าวการเมืองโดยเด็ดขาด ถ้าอดใจดูไม่ได้ ก็แอบๆ ดูตามไลน์ที่เพื่อนๆ ส่งกันมาเยอะแยะไปหมด เอาแค่นิดๆหน่อยๆ ก็พอนะครับ ห้ามหมกมุ่นโดยเด็ดขาด
วิธีที่ 2 คือหาร้านอาหารที่มีเมนูอร่อยๆ ทาน ซึ่งวิธีนี้อาจจะทำให้เราอ้วนท้วนมากขึ้น ก็อย่าได้กังวลใจ ทานไปเถอะครับ และทางที่ดีที่สุด คือต้องเป็นร้านอาหารที่ไม่มีการติดตั้งโทรทัศน์น่าจะดีที่สุด เพราะจะได้ไม่ต้องรับรู้ข่าวสารมากนักครับ
วิธีที่ที่ 3 คือหาสนามกีฬาที่ใกล้ๆ บ้าน ออกไปเดินไปวิ่งออกกำลังกายเถอะครับ เพราะจะได้ไม่ต้องรับรู้ข่าวสารมากนัก อีกทั้งยังได้สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัย น่าจะดีที่สุด อีกทั้งยังทำให้เรามีอายุยืนยาวด้วย
วิธีที่ 4 จัดสภาพสิ่งแวดล้อมรอบตัวใหม่ เช่น การจัดบ้านใหม่ หาเรื่องรื้อโน่น นี่ นั่น ให้มีอะไรทำเล่นๆ แต่ถ้าหากเกรงใจภรรยา (กลัวถูกบ่น) ก็จัดโต๊ะทำงานหรือห้องทำงานใหม่ก็ได้ เพื่อลดอาการเบื่อหน่ายกับความจำเจ อีกทั้งยังเป็นการฆ่าเวลาไม่ให้เครียดกับเรื่องการเมืองไงละครับ
วิธีที่ 5 หาเรื่องเดินทางไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ถ้าไปเมืองนอกได้ยิ่งดี เพราะจะได้ไม่ต้องได้รับรู้ข่าวสารการเมืองสักระยะหนึ่ง เชื่อเถอะว่า พอเราเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทุกอย่างที่กำลังชุลมุนกันอยู่ในขณะนี้ อาจจะได้รับการแก้ไขหมดแล้วก็ได้ครับ (ไม่แน่....อาจจะแย่กว่าเดิมก็ได้ครับ....ฮา )
วิธีต่อมา คือการหันมาเล่นโยคะกันเถอะ โยคะที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ก็มีอยู่หลายท่า ที่สามารถทำให้เรามีสุขภาพที่ดี มีความสุขและคลายเครียดได้ ซึ่งถ้าหาที่เรียนไม่ได้จริงๆ ก็แจ้งผมมา แต่ขอให้มาเป็นหมู่คณะนะครับ ผมจะได้เรียนเชิญปรมาจารย์ทางด้านโยคะ ท่าน Bhagavan Shanmukha มาจัดโปรแกรมสอนให้ แต่มีข้อแม้ว่า มาเรียนแล้วห้ามคุยกันเรื่องการบ้านการเมืองโดยเด็ดขาด......จะได้เลิกเครียดครับ