ในเทศกาลหลังออกพรรษาของทุกปี พุทธศาสนิกชนมีเวลา 1 เดือนจะถวายผ้ากฐินแก่พระสงฆ์ได้ตามพุทธบัญญัติ ซึ่งหลังมานี้นอกจากกฐินตัวผ้าแล้วยังมีบริวารเปนอัฐบริขารต่างๆพร้อมทั้งเงินเอาไว้บำรุงวัด ท่านที่สนใจสามารถอ่านเพิ่มได้จากตอน how the temple is officially funded.
เมื่อปี 2562 หลังเครื่องบินลงสถานีอากาศสุราษฎร์ธานีแล้วได้มุ่งหน้าไปร่วมงานถวายผ้ากฐิน แด่พ่อท่านคลาย สุคนธธรรม วัดจันทาวาส กาญจนดิษฐ์ เจ้าวิชาสาริกา ท่านได้เมตตาเสกของโดยแสดงวิธีกำหนดจิตแบบ ‘ว่าง’ ให้เห็นเปนบุญตา คณะศรัทธาจากกรุงเทพฯได้ร่วมกุศลกับท่านสร้างหอไตร กลางน้ำที่วัดจันทาวาสแห่งนี้
พ่อท่านคลายเปนผู้สงวนวาจา ท่านพูดน้อยจนเกือบจะไม่พูด ท่านเปนคนพื้นเพท่าทอง ปากกระแดะนี้เอง ชนมายุมากกว่าพ่อท่านล้าน วัดขนาย ปีหนึ่ง เนื่องจากเกิดปีวอก ท่านได้รวบรวมกำลังศรัทธา ขอรับพระราชทานแบบโบสถ์อย่างเรียบง่ายของมูลนิธิชัยพัฒนามาทำที่วัดจันทาวาส ได้รับพระราชทานคำชมเชยจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชฯว่างามดี
ผู้คนทั้งหลายนิยมไปไหว้สาบูชาพ่อท่านคลายก็ด้วยว่าชื่อคลายของท่านนั้นเปนมงคลสัตยาธิษฐาน ใครทำอะไรๆติดขัดอัดอึดใจ ก็ไปไหว้ท่านว่า ขอให้คลายๆ สมชื่อสมนามของท่าน
จากนั้นก็ออกรถไปถวายผ้าไตรเต็ม มหานิกาย และไตรเต็มสีพระราชนิยม แด่พระครูเกษมจิตตาภิรักษ์ พ่อท่านล้านวัดขนาย พุนพิน เจ้าวิชาไก่ และต่อกระดูก ท่านเมตตาลงกระหม่อมคนปีระกา และแสดงวิธีกำหนดจิตแบบ ‘เงียบ’ ในการกำกับกระแสจิตลงในอิทธิวัตถุต่างๆ จึงพากันร่วมสร้างพระธาตุเจดีย์กับท่านไว้ที่วัดขนายแห่งนี้
พ่อท่านล้าน ที่วัดขนายนี้เปนจีนไหหลำ ท่านเกิดที่พุนพิน คราวลงไปทำประกันนากุ้งที่สุราษฯพวกทหารกองบินขึ้นกันมากได้พาไปกราบ ท่านเปนผู้สำรวมและสุภาพนุ่มนวลอย่างยิ่ง
จากนั้นก็เลยไปกราบสังขารไม่เน่าเปื่อยของพ่อท่านชื่น วัดในปราบที่เคียนซา ชาวบ้านนับถือกันว่าพ่อท่านชื่นเปนเจ้าวิชาผาลไถ ซึ่งกรรมการวัด และ ส.ต. เคียนซา ได้เปิดกรุผาลไถ custom made ที่ท่านทำเปนอิทธิวัตถุเสกทิ้งไว้ให้บูชา ได้ร่วมกุศลถวายผ้าไตรสัตตขันธ์สองชั้น ไว้แก่ สภาตำบลเคียนซา เพื่อใช้ในกิจการพระศาสนาต่อไป
พ่อท่านชื่น ฉายา อินทปัญโญ เปนคนฉวาง มีบิดาเปนหมอบ้านรักษาคนไข้ทั้งด้วยยาสมุนไพรและกำลังจิตวิชชา เมื่อยังเยาว์ถูกส่งไปอยู่กับพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ ที่สวนขัน นครศรีธรรมราช ซึ่งพ่อท่านคล้ายนี้มีศักดิ์เปนตาของท่าน ท่านได้รับทอดวิชชาหลายอย่างจากพ่อท่านคล้าย โดยใช้น้ำซักสบงของท่านราดหัว สามารถรับวิชาจากทั้งสายโยมพ่อและสายท่านตาได้ทั้งหมด เช่น ส่องดวงชะตา สนทนาปีศาจ ขับคุณไสย เปนที่ทราบกันทั่วไปและตัวท่านเองถูกลองของลองวิชาได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง
ยามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้แทนราษฎร จ. สุราษฎร์ธานี จัดตั้งแนวร่วมกปปส.เข้าร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในกรุงเทพมหานคร ถูกลอบสังหารหลายครั้ง มีนายชุมพล จุลใสผู้แทนราษฎร จ.ชุมพร ทำหน้าที่คุ้มกัน คราวหนีตายออกจากสภาผู้แทนราษฎร ได้อาศัยช่องทางระหว่างเขตรอยต่อรัฐสภากับลานพระราชวังดุสิตฝั่งพระที่นั่งอภิเษกดุสิตเล็ดลอดจากผู้ชุมนุมฝ่าย นปช. ที่รุกไล่ล้อมเอาชีวิต เข้าเขตพระราชฐานแล้ว กรมวังสมัยนั้นได้จับปลดอาวุธตามแบบธรรมเนียม สุดท้ายได้อาศัยเฮลิคอปเตอร์หนีการตามล่าไปได้ ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มกปปส. ถูกถล่มด้วยอาวุธสงครามหลายครั้ง จากกลุ่มชายชุดดำ ส.ต. เคียนซา ได้ร่วมขบวน กปปส. ติดตามนายสุเทพไปด้วย โดยสวมเสื้อยันต์ของพ่อท่านชื่นป้องกันตัว และโดนระเบิดที่ระหว่างการชุมนุม กปปส. บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไม่ได้รับอันตราย
พ่อท่านชื่นนับถือ ในคุณสมบัติของผาลไถ ที่มีสมบัติตามธรรมชาติในการ “พลิก ”ผืนดินแล้งเรื้อขึ้นให้ร่วนรับรอการเพาะปลูก อันเปนคุณวิเศษของเครื่องมือเหล็กชนิดนี้ ที่ทำให้เลี้ยงชีวิตคนในสังคมเกษตรก่อนอุตสาหกรรมได้รอด ข้างคณะสงฆ์และหมอบ้านปักษ์ใต้ก็ตั้งฐานความคิดเช่นนี้มาแต่โบราณ จะเห็นว่าทางวัดขนาย พ่อท่านล้านซึ่งเปนพระหมอต่อกระดูกด้วยนั้นท่านทำอิทธิวัตถุ โดยใช้ผาลไถเก่าตัดเปนชิ้นๆแจกจ่ายในฐานะตะกรุดผาลไถเช่นกัน
อันว่าเรื่องผาลไถพลิกสถานการณ์นี้
เคยมีระบุในตำราเก่าว่า พระพุทธองค์ ทรงประทานอนุญาต มีระบุในพระวินัยปิฎก ให้ภิกษุผู้เจ็บไข้จากการถูกกระทำทางจิตตอานุภาพ “ดื่มน้ำละลายดินที่ติดหน้าผาลไถ” เพื่อแก้ไขสถานการณ์ได้
ทีนี้ว่าในสังคมเกษตรกรรมที่สมาชิกชุมชนจะต้องพึ่งพาตนเองเอาเอง เนื่องจากห่างไกลจากความเจริญทางวัตถุและวิทยาการ พระสงฆ์ในฐานะผู้นำทางธรรมชาติ(Natural Leader) มีความจำเปนอยู่เองจะต้องสามารถ “เอาให้อยู่” ด้วยวิชาและความสามารถแห่งตน ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่สมาชิกชุมชนตั้งแต่ เกิด_แก่_เจ็บจนตายไป
ที่ตรงละแวกปากประ ทะเลน้อยแถวนั้น อิทธิวัตถุที่ผู้นำทางธรรมชาติท่านสร้างก็มีหนักไปในทางสะเดาะ เช่นว่า พระดินพระเหรียญ เอาอธิษฐานแช่น้ำ เพื่อเปนน้ำมนต์ดื่มกิน สะเดาะเอาทารกคลอดออกจากครรภ์ให้ง่ายๆ สะเดา เอาก้างปลาที่กินติดคอให้หลุดออกง่ายๆ ทั้งนี้ก็ด้วยเส้นทางกันดารห่างไกลมดหมอ แถมอาหารประจำถิ่นก็เปนปลาอันหาได้ตามธรรมชาติรับประทานโดยประมาทกันอยู่เปนประจำ
พ่อท่านชื่นนั้น ท่านรับพระราชทานเปนพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูมงคลสมณกิจ มรณภาพเมื่อชนมายุ 91 ร่างกายสังขารเเข็งแห้งไม่เน่าเปื่อย
อนึ่งพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ ที่สวนขัน นครศรีธรรมราชนั้น เปนอาจารย์ทางศาสนาของนายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี น้องเขย อดีต พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เมื่อนายสมชายยังรุ่นๆ ได้กราบลาพ่อท่านคล้ายขึ้นมาศึกษากฎหมายยังกรุงเทพมหานคร พ่อท่านคล้ายพระครูพิสิษฐ์อรรถการ ได้ปรารภว่า ให้ตั้งใจเล่าเรียนให้ดี ภายหน้าจะได้เปนที่นายกรัฐมนตรี
อนึ่ง ผู้สนใจทางอธิจิตของทางภาคใต้นั้นล้วนให้ความนับถือพ่อท่านคล้ายเปนครู ด้วยวัตรปฏิบัติที่บริสุทธิให้ความสงเคราะห์อนุเคราะห์แก่ปวงชนไม่เลือกหน้า มีความสมถะ เด็ดเดี่ยวและมีองค์วิชาความรู้ในตัวมาก
แม้ได้มรณภาพไป พระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร์ยังมีพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ใน ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลเวลานั้นอัญเชิญผ้าไตรจำนวน 25 ไตร มาถวายในการศพพระครูพิสิษฐ์อรรถการ นับว่าเปนจำนวนไตรพระราชทานสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ สรีระสังขารของพ่อท่านคล้าย ยังคงไม่เน่าเปื่อยและเเข็งเปนหินตราบจนทุกวันนี้ ในลักษณะเดียวกันกับพ่อท่านชื่นศิษย์ของท่าน
การปรากฏรูปทางอธิจิตของพ่อท่านคล้ายนี้ พระเดชพระคุณพระราชวชิรากร (อาจารย์ชัย ปุรินทโก) เจ้าอาวาสวัดบางโทงซึ่งสร้างพระมหาธาตุวชิรมงคลสำเร็จเปนลำดับถัดมาจากพระมหาธาตุวัดบางเหรียง ได้ระบุว่าหลังปฏิบัติจนจิตเข้าสู่สมาธิแล้วได้พบอธิจิตของพ่อท่านคล้ายมาแนะนำวิธีวิปัสสนา โดยสิ่งหนึ่งที่ท่านจำได้มั่นคงคือ ให้ทำสมาธิได้เท่าปัญญา และทำปัญญาให้ได้เท่าสมาธิ
กรณีการเปน “ครู” ของพ่อท่านคล้ายนี้ ครูของครู อย่างเช่น พระอาจารย์จำเนียร วัดถ้ำเสือ อาจารย์ของท่านอาจารย์ชัย ยามยังหนุ่มติดขัดวิทยาการการประจุกำลังทางจิตลงในอิทธิวัตถุต่างๆก็ยังเดินทางจากกระบี่ มานครศรีเพื่อขอวิชาจากพ่อท่านคล้าย พ่อท่านคล้ายได้ปรารภเรื่องการปลุกเสกให้กระทำด้วยความว่าง ซึ่งพระอาจารย์จำเนียรได้บันทึกไว้
อนึ่งสายวิชาจำพวกรู้เห็นความเปนไปของธรรมชาติอันลึกเร้นนั้น คนจำพวกหนึ่งถือกันว่าผู้จะเรียนสำเร็จเปนอันหนึ่งอันเดียวกันกับระบบธรรมชาติได้ดีโดยสมบูรณ์จะต้องเสียสละบางประการเช่น เสียคู่ เสียอวัยวะ เปนต้น กรณีท่านพระครูพิสิษฐ์อรรถการ_พ่อท่านคล้ายนี้ ท่านใช้เท้าปลอมทำด้วยกระบอกไม้ไผ่สวมที่ข้อเท้าซ้าย ทดแทนเท้าท่านที่ขาดไปจากการอุบัติเหตุไม้ใหญ่โค่นทับ
ส่วนการ “ลองของ” ในลักษณะของพวกนักเลง หรือ คนถ่อย อยากรู้ว่าอิทธิวัตถุของพระสงฆ์องคเจ้านั้นมีอิทธิคุณอย่างว่ายิงไม่เข้าฟันไม่ออกจริงไหม แล้วนำขึ้นแขวนต้นมะยมยิงเข้าใส่ หรือ เอาแขวนคอไก่กดปืนเข้าใส่นั้น โบราณว่าไม่สมควรจะกระทำเนื่องจากท่านเจ้าของอิทธิวัตถุซึ่งเปนแม่ข่ายจำจะต้องรับ suffer หรือบาดเจ็บจากการถูกกระสุนที่ลองนั้นเนื่องจากต้องแผ่ธาตุสังขารประกอบอธิจิตมาคุ้มครอง เปนเรื่องหยาบโลน และไม่สมควรจะกระทำต่อท่านผู้มีคุณ
ก่อนกลับได้ไปสักการะพระบรมธาตุไชยา อันเปนสถูปเจดีย์ขนาดเล็กเมืองเทียบกับพระธาตุสูงใหญ่ในที่อื่นๆ อาจจะเปนด้วยตั้งอยู่ในที่ราบแทนที่จะเปนบนเขา/เนินเขา ก็เปนได้ จึงทำให้ผู้มองรู้สึกอย่างนั้น เจดีย์พระธาตุที่อยู่ในที่ต่ำนอกจากพระธาตุไชยาแล้วยังมีพระธาตุหริภุญไชยอีกองค์หนึ่ง แทนที่ศาสนิกชนจะก้าวขึ้นหาพระธาตุ กลับก้าวลงไปหาแทน
ตัวพระธาตุไชยานี้เเลเหมือนมีคูน้ำขนาดเล็กล้อมอยู่แนบชิดกับตัวสถูปประจุพระธาตุ อันนี้ไม่ใช่ธรรมเนียมแต่เดิม เปนด้วยอธิบดีกรมศิลปากรยุคหนึ่งสันนิษฐานว่าฐานพระธาตุน่าจะใหญ่กว่าที่เห็นพ้นพื้นดิน (พระธาตุน่าจะสูงเด่นกว่านี้) จึงได้ลงมือขุดรอบๆตัวเจดีย์ จึงพบว่าเปนจริงตามคาด ทีนี้ขุดแล้วก็แล้วกันไม่ได้กลบ อาจเปนวิธียืนยันข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่ง ก็เกิดน้ำขังขึ้นรอบดังนี้
ทั้งนี้การพิสูจน์ทราบกรณีของพระธาตุต่างๆว่าจริงแท้อย่างไรนั้น ไม่เปนสารัตถะแต่อย่างใด ด้วยเหตุว่าความเคารพนับถือในพระศาสดา ลำพังเพียงแม้พระนามของท่านนั้น ผู้เปนศาสนิกได้ยินได้เห็นก็บังเกิดความนอบน้อมเคารพอยู่แล้ว ด้วยอำนาจความนับถือศรัทธา ไม่ได้มีเหตุให้ต้องพิสูจน์เพื่อเรียกศรัทธาจากผู้ไม่ใช่ศาสนิกเพิ่มเติมอีก อันอำนาจอธิจิตยองมนุษยปุถุชนที่สำรวมเพ่งกระแสแห่งความนับถือไปยังวัตถุใดๆหนึ่งๆนั้น พระเดชพระคุณพระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย) เคยอธิบายว่าแม้ผู้เพ่งมองนั้นไม่มีกำลังจิตขนาดใหญ่หรือสำเร็จอิทธิคุณใดๆ เมื่อสั่งสมมากๆเข้า ฐานรับนั้นก็เปี่ยมไปด้วยกำลังเข้าได้เอง ดังนี้แล้วเจดียสถานใดฝูงชนผู้สงบสำรวมจิตไปสักการะด้วยความศรัทธา ด้วยปฏิบัติบูชาก็อาจทำให้เปนแหล่งพลังงานทางจิตที่สงบเย็นแผ่กำลังออกให้ผู้ไปเยือนสัมผัสรับรู้ได้อย่างนั้นโดยอาจไม่จำเปนต้องอาศัยพระธาตุก็ได้
คงจะเหลือแต่เพียงในกรณีมิจฉาทิฏฐิตั้งใจเอาลูกแก้วลูกปัดปลอมมาอ้างเอาว่าเปนพระธาตุจัดแสดงเก็บสตางค์ให้คนสองจำพวกคือ ช่างสงสัย กับช่างงมงายเข้าไปเสียสตางค์ ฝ่ายแรกยินดีจ่ายเพื่อไปพิสูจน์ ฝ่ายหลังยินดีจ่ายเพื่อได้เข้าถึงของวิเศษกว่าใครๆ เช่นนี้แล้วก็เปนบาปกรรมขั้นต้นของผู้ต้นคิดทำกิจกรรม และเปนบาปเคราะห์ขั้นปลายแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสองประเภทดังกล่าว
กรณีของพระธาตุเจดีย์ต่างๆแต่โบราณนั้น ท่านว่าไม่จำเปนต้องมีของไปอามิสเพื่อจะบูชาท่านแต่อย่างใด ก็หากเปนเช่นนั้นแล้วพระพุทธศานาก็จะไม่ใช่เปนของกลางที่สัมผัสและเข้าถึงได้ระหว่างชนทุกชั้นไม่ว่าจะยากดีมีจน อันเปนการผิดหลักการของพระศาสนาที่พระพุทธองค์ทรงกำจัดชนชั้นวรรณะออกไปให้แล้ว
โบราณได้รจนาเอาไว้ว่าเพียงกาย วายา_ใจก็สามารถแสดงความเคารพโดยกำหนดอธิษฐานเอาส่วนต่างๆเปนเครื่องบูชาได้ดังนี้
มือข้าฯสิบนิ้วยกขึ้นหว่างคิ้ว ต่างธูปเทียนทอง
ดวงพักตร์ โสภา ต่างมาลากรอง
ดวงเนตรทั้งสอง ต่างประทีปถวาย
ผมเผ้าเกล้าเกศ ต่างประทุมเมศบัวทองพรรณราย
วาจาเพราะพร้อง ต่างละอองจันทร์ฉาย
ดวงจิตขอถวาย ต่างรสสุคนธาฯ
ดอกไม้ธูปเทียนที่ซื้อหาเข้าไปบูชาพระธาตุนั้นจึงเปนของเบื้องต้นเสียเปล่า หากไม่น้อมตัวน้อมใจเข้าสำรวมกาย_วาจา_ใจเเละนำข้อสำรวมเช่นว่านี้ไปปฏิบัติ อันเข้าขั้นปฏิบัติบูชา เกินขึ้นกว่าขั้นอามิสบูชาที่บูชาด้วยสิ่งของ อันน่าจะทำให้พระศาสดาทรงพลอยยินดีที่ศาสนิกมีกำลังก้าวขึ้นชั้นคำสอนที่สูงขึ้นและเข้าใกล้พระสัทธรรมของพระพุทธองค์ได้มากกว่าเดิม
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 หน้า 18 ฉบับที่ 3,911 วันที่ 6 - 9 สิงหาคม พ.ศ. 2566