ในยุคสมัยนี้ เชื่อไหมว่าการเรียนรู้ธรรมะ แทนที่จะนำเอามาฝึกตนเองกลับเอามาฟาดใส่กัน บอกอันนี้ดี อันโน่นไม่ดี อย่าเถียงฉัน ฉันเรียนมา ดีกรีมหาเปรียญ ขอประทานโทษ มหาเปรียญที่ไม่ค่อยดี ต่ำช้าก็มีถมไป ใช่เป็นมหาเปรียญแล้วจะดีกว่าผู้อื่น แต่มหาเปรียญที่ดีก็มีอยู่มากโข แต่ทั้งปวงบรรดามหาเปรียญโดยมากจะเป็นผู้อ่านจนรู้ มากกว่าผู้ปฏิบัติจนรู้ แต่ที่รู้และปฏิบัติด้วยก็มี
คำว่า ธรรม คือ รวมทุกสิ่งอย่างทั้งหมด อาทิ ข้อวัตรปฏิบัติ, ความเชื่อ, แนวคิด, ประเพณีวัฒนธรรม ในยุคนี้จึงมีความต่าง ระหว่างธรรมของเขากับธรรมของเรา ก็หมายถึงว่า ความเชื่อก็วัตรปฏิบัติแนวคิดประเพณีที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นผู้ที่นับถือพุทธศาสนาเหมือนกันก็ตาม
เมื่อมีธรรมต่างกัน จึงมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป แม้ว่าจุดหมายปลายทาง คือ การสงบร่มเย็น ดับสนิทไม่เหลือและไม่กลับมาเกิดก็ตาม ความแตกต่างด้วยธรรมนี้เอง คือจุดเริ่มต้น ที่ทำให้เกิดการแบ่งนิกาย ไม่ว่าจะเป็น มหายาน หรือ หินยาน ต่างก็มีจุดเริ่มต้นแบบนี้ หรือแม้แต่ความเป็นหินยานในประเทศเรา ก็ยังมีการแบ่งธรรมกันออกไป ธรรมฝ่ายหนึ่งเรียกว่ามหานิกาย ธรรมอีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่าธรรมยุติกนิกาย ในฝ่ายมหายานก็มีแตกต่างกันทั้ง นิกายวัชรยาน, นิกายเซ็น เป็นต้น
ในสังคมไทยยุคนี้มีความเชื่อ, ความแตกต่าง และข้อวัตรปฏิบัติที่แตกต่าง หรือเรียกว่าธรรมที่แตกต่างขึ้นมาอีกชั้น เน้นให้เชื่อและปฏิบัติตาม คำสอนของพระพุทธเจ้าเพียงอย่างเดียว ส่วนคำสอนก็วัตรปฏิบัติของหลวงปู่, หลวงพ่อ, ครูอาจารย์ ขอให้ปฏิเสธหมด ซึ่งมันก็เป็นอีกมิติหนึ่งที่ดี แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าความผูกพัน ระหว่าง อุบาสก-อุบาสิกา กับครูอาจารย์ ด้วยรูปแบบวัฒนธรรมค่อนข้างแน่นแฟ้น และเป็นอย่างนี้มาเนิ่นนาน ก็ยากที่จะให้ปฏิเสธคำสอนของหลวงปู่, หลวงพ่อ, ครูบาอาจารย์
เป็นความน่ารังเกียจหรือเป็นสิ่งเลวร้ายมากไหม ถ้าเราจะเชื่อหลวงปู่, หลวงพ่อ. ครูบาอาจารย์ เพราะสิ่งที่ท่านสอน ก็สอนให้อุบาสก-อุบาสิกาเป็นคนดี เป็นคนมีธรรมะ เป็นคนที่อยู่ในศีลในธรรม แล้วว่าการสร้างศรัทธา ด้วยการสื่อสารการเทศนาในรูปแบบใหม่ ที่เข้าใจง่าย ไม่ปะปนกับภาษาดั้งเดิมมากนัก เช่น ภาษาบาลี ก็นับได้ว่าเป็นปฏิปทาที่ดี ใช่หรือไม่
ท้ายที่สุดก็เลยอยากจะบอกกับคนว่า ใครจะมีทำอย่างไร นั่นคือเรื่องของเขาไม่ใช่ของเรา ดังนั้น เราเชื่อในธรรมอย่างไร เราก็ควรปฏิบัติตามนั้นให้เคร่งครัดและคิดถึงจุดหมายปลายทาง เกี่ยวกับเรื่องของการเข้าสู่ความดับทุกข์จนไม่เหลือ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของมนุษย์ แต่เหตุเพราะเรามีอีโก้อยู่ มีความปรารถนาอยากได้อยู่ เราจึงเป็นทุกข์กัน
ดังนั้น วันนี้ถ้าเราเริ่มต้นใหม่กับการที่มีข้อวัตรปฏิบัติในธรรมที่เรายึดถืออย่างเคร่งครัด และงดไปปรามาสธรรมของผู้อื่น ก็จะทำให้ทำที่เราประพฤติปฏิบัตินั้นเจริญก้าวหน้า มีชีวิตที่ราบรื่นและไม่กล่าวทำร้ายผู้ใดทั้งทางตรงและทางอ้อม เพียงแค่นี้ชีวิตพวกเราก็มีความสุขแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของนักบวชหรือรูปแบบของอุบาสก-อุบาสิกาก็ตาม
เข้าใจตามนี้แล้ว เราก็ควรวางใจของเราให้ถูกที่ ถูกกาล ชีวิตของเราทุกคนก็จะมีความสุขมากขึ้น ชอบสิ่งไหนปรารถนาสิ่งไหน เข้าไปอยู่ใกล้สิ่งนั้นเสีย เพียงแค่นี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนถ่ายที่จะทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้น พระพุทธเจ้าพูดแต่คำจริงเสมอ แม้จะผ่านกาลเวลามาถึง 2500 กว่าปี ขอให้ทุกคนมีความสุขกับธรรมของตัวเอง โดยที่ไม่ต้อง ไปงอนง้อทำของผู้อื่น เพียงเท่านี้ชีวิตก็จะมีความสุขมากขึ้นแล้ว