นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์การแข่งขันของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในเวียดนาม และโอกาสในการเข้าไปลงทุนด้านโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการไทย ว่าล่าสุดนาย เล มินห์ ไค รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้ลงนามในข้อมติ No.163/NQ-CP ว่าด้วยการส่งเสริมการดำเนินการงานหลักเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและส่งเสริมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในประเทศ
เพื่อพัฒนาบริการโลจิสติกส์ให้เป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเพื่อเชื่อมโยงกับการพัฒนาการผลิตสินค้า การนำเข้า การส่งออก และการค้าภายในประเทศ และการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการด้านบริการโลจิสติกส์
ขณะเดียวกัน เวียดนามได้มุ่งเน้นไปที่การใช้ประโยชน์สูงสุดจากข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของประเทศและส่งเสริมความเชื่อมโยง เพื่อทำให้เวียดนามเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญในภูมิภาค และพัฒนาโลจิสติกส์ร่วมกับห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน และยังจะให้ความสนใจกับการปรับคุณภาพทรัพยากรบุคคลและส่งเสริมการ
เปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี รวมถึงการมุ่งส่งเสริมความเชื่อมโยงการขนส่งหลายรูปแบบและการขนส่งผ่านด่านชายแดน เพื่อลดต้นทุนและปรับปรุงคุณภาพของบริการขนส่งการพัฒนาพื้นที่ซื้อขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอีคอมเมิร์ซ เพื่อการพัฒนาโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ซึ่งจากนโยบายดังกล่าว ทำให้เห็นแนวโน้มว่าอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของเวียดนามจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต แต่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์เวียดนามยังมีข้อจำกัดมากมาย เช่น ต้นทุนบริการด้านโลจิสติกส์ในเวียดนามยังค่อนข้างสูง บริษัทโลจิสติกส์ภายในประเทศ ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กด้วยคลังสินค้าแบบดั้งเดิมขาดโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และเงินทุน ดังนั้น ผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ในเวียดนาม จึงยังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงกับบริษัทต่างชาติ จึงเป็นโอกาสการลงทุนธุรกิจโลจิสติกส์ในเวียดนามของนักลงทุนไทย เพื่อรองรับการขยายตัวของความต้องการคลังสินค้าและการขนส่งที่เพิ่มขึ้น