นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยภายหลังหารือกับนางช่าย ลี่ซิน รองประธานเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ว่าทางกว่างซีจ้วงได้มาเชิญตัวแทนรัฐบาลไทยเข้าร่วมงาน The 20th China – ASEAN Expo (CAEXPO 2023) ซึ่งจะจัดวันที่ 16-19 กันยายนนี้ โดยเมื่อ 3 ปีที่แล้วก่อนโควิดได้มีโอกาสนำคณะตัวแทนไทยเข้าร่วมงานที่นั่น ซึ่งได้ตอบรับคำเชิญในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทยเข้าร่วมการจัดงานครั้งนี้
โดยจะนำภาคเอกชนเข้าร่วมจัดงานแสดงสินค้าไทยเกือบ 80 บริษัท และนำจังหวัดจันทบุรี ที่เป็นแหล่งผลิตผลไม้คุณภาพสำคัญจังหวัดหนึ่งของประเทศ ร่วมแสดงนิทรรศการ Pavilion of Cities of Charm ที่นั่น และขณะนี้มณฑลกว่างซี ที่อยู่ทางตอนใต้ของจีน มีพื้นที่อ่าวเป่ยปู้ และมีท่าเรือชินโจว
ได้โปรโมทการจัดทำระเบียงการค้าระหว่างประเทศทางบกและทางทะเลแห่งใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor) โดยมีการขุดคลองจากท่าเรือชินโจวไปทางเหนือถึงนครหนานหนิงซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลกว่างซีเชื่อมต่อกับเส้นทางทางบกทางเหนือและทางตะวันออกของจีนต่อไป โดยเฉพาะทางเรือเข้าท่าเรือชินโจว ออกจากท่าเรือแหลมฉบัง ไปท่าเรือชินโจว เข้าคลองหนานหนิงกระจายสินค้าทางรถไฟและทางบกไปตะวันตก ทางเหนือและภาคกลางของจีนรวมทั้งภาคตะวันออกได้เลย
“ข่าวดีอีกเรื่องคือรองผู้ว่าฯได้แจ้งให้ทราบว่าขณะนี้มีการเตรียมการปรับระบบบริหารจัดการที่ด่านสำคัญ 3 ด่าน ในมณฑลกว่างซี และพื้นที่ที่ติดกับตอนเหนือของเวียดนามคือด่านโหย่วอี้กวน ตงซิงและด่านรถไฟผิงเสียง smart customs ระบบบริหารจัดการผ่านด่านศุลกากรอัจฉริยะ อาจเริ่มได้ช่วงต้นปีหน้า จะมีส่วนสำคัญช่วยให้การส่งสินค้าของไทยไปเวียดนามไปมณฑลกว่างซีสะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผลไม้สด จะย่นระยะเวลา 2 เท่า สามารถทำให้ทั้ง 3 ด่าน เปิดบริการได้ 24 ชั่วโมง เป็นข่าวดีสำหรับการส่งออกผลไม้ของไทยไปตอนใต้ของจีนต่อไปในอนาคต”
ทั้งนี้มูลค่าการค้าไทย-จีนในภาพรวมปีที่แล้วมีมูลค่า 3.69 ล้านล้านบาท โดยไทยส่งออกไปจีน 1.2 ล้านล้านบาท และระหว่างไทยกับมณฑลกว่างซีมูลค่าการค้า 150,000 ล้านบาท ไทยส่งออกไปกว่างซี 75,000 ล้านบาท สินค้าที่ไทยส่งออกไปกว่างซี ได้แก่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลไม้สดและอาหารเป็นต้น มณฑลกว่างซีจะเป็นประตูสู่อาเซียนของจีน โดยมณฑลกว่างซีนำเข้าผลไม้จากประเทศไทยเป็นอันดับ 2 ของจีนรองจากมณฑลยูนนาน และมณฑลกว่างซีมีนักศึกษาจีนที่เรียนภาษาไทยมากที่สุด ปีละประมาณ 2,000 คน