นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการทุกจังหวัด และหัวหน้ากลุ่มจังหวัดทุกกลุ่มจังหวัด ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2566 ให้บริหารงบประมาณให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติราชการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 หลังพบว่ามีการเบิกจ่ายงบประมาณต่ำกว่าเป้าหมายมาก
ดังนั้นจึงมอบหมายให้หัวหน้ากลุ่มจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัด เร่งรัด ติดตาม และกำกับดูแลหน่วยงานในจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ดำเนินโครงการและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ปี 2566 และการเบิกจ่ายงบประมาณที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ประจำปี 2565 ให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติราชการประจำปีและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของจังหวัด และกลุ่มจังหวัด ภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน 2566
ทั้งนี้ หากไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดส่งผลให้งบประมาณถูกพับไปโดยผลของกฎหมาย ให้ถือเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงาน
พบเบิกจ่ายต่ำกว่าเป้ามาก
สำหรับหนังสือฉบับนี้ มีเนื้อหาระบุว่า ตามที่อ้างถึง กระทรวงมหาดไทยแจ้งพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2566 มาตรา 28 งบประมาณรายจ่ายของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดให้ตั้งเป็นจำนวน 21,500 ล้านบาท และคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 กำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
โดยให้มีเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายภาพรวมไม่น้อยกว่า 93% และการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายภาพรวม 100%
พร้อมทั้งแจ้งแนวทางการรายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติราชการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และโครงการ/รายการที่ได้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เพื่อให้หัวหน้ากลุ่มจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัด ติดตาม เร่งรัด การใช้จ่ายงบประมาณและ รายงานข้อมูลผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีมายังกระทรวงมหาดไทยเป็นประจำทุกเดือน
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย พิจารณาแล้วเห็นว่า ผลการเบิกจ่ายและใช้จ่ายงบประมาณของจังหวัด และกลุ่มจังหวัดจากระบบ New GFMIS Thai ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 มีผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายภาพรวม 8,880 ล้านบาท คิดเป็น 41.31% และผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายภาพรวม 17,058 ล้านบาท คิดเป็น 79.34% ต่ำกว่าค่าเป้าหมายสะสมไตรมาสที่ 3 อยู่ 33.69% และ 2.40% ตามลำดับ
ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี คงเหลือเบิกจ่าย 1,016 ล้านบาท คิดเป็น 20.11%
สำนักงบฯ แจ้งครม.เร่งรัดเบิกจ่าย
ทั้งนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา สำนักงบประมาณ ได้รายงานให้ครม.รับทราบผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ 2566 ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 พร้อมทั้งเสนอแนะว่า หน่วยรับงบประมาณควรเร่งรัดการเบิกจ่ายและการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตาม แผนการปฏิบัติงานและเป้าหมายของมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐที่กำหนดไว้
อีกทั้งควรให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมของโครงการก่อนการจัดสรรงบประมาณ จัดลำดับความสำคัญ ก่อนหลังของการปฏิบัติงานให้เหมาะสมกับห้วงเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อให้การบริหารงบประมาณของหน่วยรับ งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงการจัดทำแผนการจัดซื้อจัดจ้างให้สามารถรองรับสถานการณ์ ที่อาจเกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณได้อย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ หากการดำเนินการ และการใช้จ่ายงบประมาณไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนด ให้เร่งรัดคู่สัญญาพิจารณาดำเนินการให้เป็นตามแผน ที่กำหนด เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปตามวัตถุประสงค์และก่อประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
กำชับเบิกจ่ายหลุดเป้างบถูกพับแน่
เห็นสมควรให้หน่วยรับงบประมาณเร่งรัดการดำเนินการก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่าย งบประมาณรายจ่ายลงทุนรายการปีเดียวและรายการผูกพันใหม่ให้แล้วเสร็จ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแลหรือควบคุมกิจการของหน่วยรับงบประมาณ หรือรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย กำกับดูแล เร่งรัด ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงาน ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
โดยคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพ ของหน่วยรับงบประมาณ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้มีเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ และช่วยสนับสนุน การขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ต่อไป
ทั้งนี้ หากไม่เร่งดำเนินการคาดว่าจะไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และอาจส่งผลให้เงินงบประมาณถูกพับไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561