สคบ.ฟ้องรวดเอกชน 37 ราย เอาเปรียบผู้บริโภค ทิ้งทวนรัฐบาลประยุทธ์

31 ส.ค. 2566 | 22:15 น.

สคบ. ฟ้องดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจที่เอาเปรียบผู้บริโภค รวดเดียว 37 ราย บังคับให้ผู้ประกอบธุรกิจคืนเงินกว่า 4.6 ล้านบาท ทิ้งทวนรัฐบาลประยุทธ์ เช็ครายละเอียดเรื่องที่ถูกฟ้องแบบนี้ก็มีด้วย

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่มีนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานครั้งล่าสุด ได้มีมติให้ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจที่เอาเปรียบผู้บริโภค รวดเดียวรวม 37 ราย โดยบังคับให้ผู้ประกอบธุรกิจคืนเงินให้แก่ผู้บริโภค เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 4,689,964 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

สำหรับการดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจทั้ง 37 ราย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

  • ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 6 เรื่อง เช่น ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญา ผู้รับจ้างทิ้งงาน ก่อสร้างล่าช้า เป็นต้น
  • ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านสินค้าและบริการทั่วไป จำนวน 31 เรื่อง เช่น เช่ารถยนต์ ขอคืนสินค้า สั่งซื้อสินค้า จ้างพนักงานดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ทำข้อมูลในโทรศัพท์สูญหาย เป็นต้น

 

ภาพประกอบการประชุม คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ครั้งล่าสุด ทิ้งทวนรัฐบาลประยุทธ์

สำหรับรายละเอียดของการดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจที่เอาเปรียบผู้บริโภคด้านอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 6 เรื่อง มีดังนี้

1.ที่ประชุมเห็นควรดำเนินคดีแพ่งแก่บริษัทแห่งหนึ่ง และกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท ตามมาตรา 44 แห่ง พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 เพื่อบังคับให้ร่วมกันคืนเงิน จำนวน 87,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย กรณีทำผิดสัญญาว่าจ้างออกแบบและรับเหมางานโครงสร้างสถาปัตยกรรม และเสนอต่อศาลเพื่อพิจารณาให้ผู้ถูกร้องจ่ายค่าเสียหายเพื่อการลงโทษเพิ่มขึ้นจากจำนวนค่าเสียหายที่แท้จริงที่ศาลกำหนดตามที่เห็นสมควร

2.ที่ประชุมเห็นควรดำเนินคดีแพ่งแก่บริษัทแห่งหนึ่ง กรณีทำผิดสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด โดย ให้คืนเงินจำนวน 227,350 บาท และต้องคืนเงินดาวน์จำนวน 339,523 บาท รวมทั้งเงินค่ารื้อสัญญา 32,980 บาท และค่าเสียหายที่ผู้บริโภคว่าจ้างแปลสัญญาจะซื้อจะขาย จำนวน 6,420 บาท และแปลหลักฐานการรับเงิน จำนวน 1,500 บาท  

3. ที่ประชุมเห็นควรดำเนินคดีแพ่งแก่ผู้รับจ้าง และบริษัทแห่งหนึ่ง กรณีทำผิดสัญญาว่าจ้างปลูกสร้างบ้านพักอาศัย 2 ชั้น โดยต้องร่วมกันรับผิดชอบคืนเงินให้แก่ผู้บริโภค เป็นเงินจำนวน 788,634 บาท และรวมถึงค่าจ้างผู้มีวิชาชีพด้านวิศวกรรม เพื่อตรวจสอบบ้าน จำนวน 10,000 บาท รวมเป็นทั้งสิ้นจำนวน 798,634 บาท

4.ที่ประชุมเห็นควรดำเนินคดีแพ่งแก่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งทำผิดสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด เพื่อบังคับให้คืนเงินจำนวน 283,400 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 2.5% ตามสัญญาจะซื้อจะขายให้แก่ผู้บริโภค

5. ที่ประชุมเห็นควรดำเนินคดีแพ่งแก่บริษัทแห่งหนึ่ง และกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท กรณีทำผิดสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด โดยให้คืนเงินจำนวน 465,888 บาท และชดใช้ค่าตกแต่งภายในห้องชุด จำนวน 210,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย ให้แก่ผู้บริโภค

6.ที่ประชุมเห็นควรดำเนินคดีแพ่งแก่ผู้รับจ้าง กรณีทำผิดสัญญาว่าจ้างก่อสร้างบ้านพักอาศัย 1 ชั้น พร้อมรั้ว โดยบังคับให้คืนเงินจำนวน 537,450 บาท และชดใช้ค่าปรับจำนวน 243,460 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายให้แก่ผู้บริโภคและรับผิดชอบค่าเสียหายเชิงลงโทษด้วย

 

ภาพประกอบการประชุม คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ครั้งล่าสุด ทิ้งทวนรัฐบาลประยุทธ์

 

ส่วนรายละเอียดของการดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านสินค้าและบริการทั่วไป มีตัวอย่างเรื่องนี่น่าสนใจดังนี้

บังคับขายคอร์สสลายไขมัน

ผู้บริโภคได้เข้าไปใช้บริการนวดสลายไขมันหน้าท้องตามโปรโมชันที่ดำเนินการโดยบริษัทแห่งหนึ่ง ในขณะที่ผู้บริโภคใช้บริการพนักงานของบริษัทฯ ได้เสนอขายคอร์สให้แก่ผู้บริโภคและนำบัตรเครดิตของผู้บริโภคไปชำระค่าบริการเป็นเงิน 3 แสนบาท สามารถใช้วงเงินเข้ารับบริการได้จำนวน 1.5 ล้านบาท โดยผู้บริโภคไม่เต็มใจ จึงมีความประสงค์ขอยกเลิกสัญญาและขอให้บริษัทฯ คืนเงินที่ชำระไปแล้วทั้งหมด 

กรณีดังกล่าว บริษัทฯ มีเจตนาไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยใช้กลอุบายในการนำเสนอขายบริการเสริมความงามและนำบัตรเครดิตของผู้บริโภคไปเพิ่มวงเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่ผู้บริโภคเข้ารับบริการนวดสลายไขมัน อีกทั้งผู้บริโภคได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาภายใน 2 วัน แต่บริษัทฯ ไม่คืนเงินให้กับผู้บริโภค จึงถือได้ว่าบริษัทฯ กระทำผิดสัญญาและกระทำละเมิดสิทธิของผู้บริโภค 

ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นควรพิจารณาดำเนินคดีแพ่งแก่บริษัทฯ เพื่อบังคับให้คืนเงินให้แก่ผู้บริโภคเป็นเงินจำนวน 3 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย และเสนอต่อศาลเพื่อพิจารณาให้ผู้ถูกร้องจ่ายค่าเสียหายเพื่อการลงโทษเพิ่มขึ้นจากจำนวนค่าเสียหายที่แท้จริงที่ศาลกำหนดตามที่เห็นสมควร

ดับฝันซื้อทัวร์เส้นทางโรแมนติก

กรณี ผู้บริโภคซื้อรายการนำเที่ยวโปรแกรม Europe Romantic Alps 10 วัน จำนวน 2 ท่าน กับบริษัทแห่งหนึ่งชำระเงินจำนวน 309,800 บาท ต่อมาได้รับแจ้งจากบริษัทฯ ว่าโปรแกรมถูกยกเลิก และจะคืนเงินภายใน 15 วัน ปัจจุบันผู้บริโภคยังไม่ได้รับเงินคืน กรณีดังกล่าวเมื่อบริษัทฯ ยกเลิกโปรแกรมนำเที่ยวและไม่สามารถให้บริการตามกำหนดระยะเวลาได้ บริษัทฯ จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและกระทำละเมิดสิทธิของผู้บริโภค  

ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นควรดำเนินคดีแพ่งแก่บริษัทฯ เพื่อบังคับให้ร่วมกันหรือแทนกันคืนเงินให้แก่ผู้บริโภค เป็นเงินจำนวน 309,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

ทำข้อมูลในโทรศัพท์สูญหาย

กรณีผู้บริโภค นำโทรศัพท์ ยี่ห้อ Apple รุ่น iPhone 8 Plus เครื่องเก่าไปแลกเปลี่ยนเครื่องใหม่เป็นรุ่น iPhone 13 กับบริษัท แห่งหนึ่ง ในราคา 31,300 บาท และซื้อ Computer Macbook ความจุ 256 GB ราคา 32,400 บาท เพื่อใช้ถ่ายโอนข้อมูลตามคำแนะนำของพนักงานผู้ถูกร้อง ปรากฏว่าพนักงานไม่สามารถโอนย้ายวิดีโอ และวิดีโอหายไปทั้งหมด ซึ่งเป็นวิดีโอเกี่ยวกับความทรงจำของครอบครัวผู้บริโภค ทำให้ได้รับความเสียหาย 

จึงขอความเป็นธรรมกรณีดังกล่าว พนักงานของผู้ถูกร้องใช้วิธี Import โดย copy ข้อมูลต่าง ๆ ไปยัง Computer Macbook แล้วนำไปเก็บไว้ใน External Harddisk ซึ่งบริษัท แอปเปิ้ล เซาท์ เอเซีย (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ ได้ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับขั้นตอนการสำรองข้อมูล โดยสามารถสำรองข้อมูลของอุปกรณ์เพื่อถ่ายโอนข้อมูลไปยังอุปกรณ์เครื่องใหม่ได้ โดยใช้วิธี iCloud และโดยใช้คอมพิวเตอร์ 

ดังนั้น ผู้ถูกร้องในฐานะผู้มีวิชาชีพควรจะรู้หรือควรรู้ได้ว่า การโอนถ่ายข้อมูลควรใช้วิธีใด การโอนย้ายข้อมูลผิดวิธี จึงเป็นผลโดยตรงที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้บริโภค การกระทำดังกล่าว จึงเป็นการกระทำผิดสัญญาและละเมิดสิทธิของผู้บริโภค

ที่ประชุมจึงมีมติเห็นควรดำเนินคดีแพ่งกับบริษัท ฯ เพื่อบังคับให้ชดใช้เงินจำนวน 270,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย