วันนี้ (14 กันยายน 2566) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุม 4 หน่วยงาน เพื่อทบทวนวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 แล้ว ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.3 แสนล้านบาท จาก 3.35 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็น 3.48 ล้านล้านบาท
สำหรับการประชุม 4 หน่วยงานหลักทางการเงินการคลังครั้งนี้ ประกอบด้วย สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกรอบวงเงินงบประมาณ 2567 ใหม่นั้น จะเสนอให้กับที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในสัปดาห์หน้า
“กรอบวงเงินที่เพิ่มขึ้นมา เชื่อว่า จะสามารถรองรับนโยบายของรัฐบาลได้หลายอย่าง หลังจากรัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปแล้ว ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ได้รับทราบแล้วว่ามีนโยบายอะไรบ้าง ซึ่งจากนี้หน่วยงานต่าง ๆ จะกลับไปจัดทำคำของบประมาณมาเสนออีกครั้ง” ผอ.สำนักงบฯ ระบุ
นายเฉลิมพล ระบุว่า วงเงินที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว มาจากประมาณการรายได้ที่เพิ่มขึ้น จำนวน 30,000 ล้านบาท จะนำไปใช้จ่ายเป็นค่าดอกเบี้ย เงินกู้ที่เพิ่มขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และประมาณการขาดดุล เพิ่มขึ้น จำนวน 100,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการดำเนินการตามนโนบายสำคัญของรัฐบาล และเพื่อดำรงสัดส่วนทางการคลังต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลัง
สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ยังคงเป็นการดำเนินนโยบาย ขาดดุลงบประมาณ เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนต่าง ๆ รวมถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13
รวมทั้งเร่งเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคม ผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว สร้างโอกาสอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม การสนับสนุนการศึกษา และการพัฒนาแรงงานที่ตรงกับความต้องการของประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา
กรอบวงเงินงบประมาณปี 2567 ที่ทบทวนใหม่ ซึ่งผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมร่วม 4 หน่วยงานหลักทางการเงินการคลัง มีรายละเอียดดังนี้
ตามปฏิทินงบประมาณปี 2567 ซึ่งปรับปรุงใหม่ และได้เสนอให้ครม.เห็นชอบไปเมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมานั้น กำหนดรายละเอียดของระยะเวลาการจัดทำงบประมาณเอาไว้ ดังนี้