"ส.อ.ท."ห่วงน้ำท่วมดันราคาพืชผลเกษตร-สินค้าพุ่งเพิ่มภาระประชาชน

02 ต.ค. 2566 | 08:07 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ต.ค. 2566 | 08:07 น.

"ส.อ.ท."ห่วงน้ำท่วมดันราคาพืชผลเกษตร-สินค้าพุ่งเพิ่มภาระประชาชน แนะรัฐเร่งจัดทำแผนรับมือผลกระทบและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นและการขาดแคลนสินค้า หวั่นสวนทางกับนโยบายดูแลราคาสินค้าให้ลดลงของรัฐบาล​

นายเกรียงไกร​ เธียรนุกูล​ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย​ (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เป็นห่วงสถานการณ์น้ำที่เริ่มท่วมในหลายพื้นที่​ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับพืชผลทางการเกษตร​ ทรัพย์สินบ้านเรือนของประชาชน ,โรงงานอุตสาหกรรมรวมถึงภาคการท่องเที่ยว จะยิ่งกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้น

ทั้งนี้ จึงต้องการให้ภาครัฐเร่งจัดทำแผนรับมือผลกระทบและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นและการขาดแคลนสินค้าต่างๆ​ เพราะจะยิ่งผลักดันให้ราคาสินค้าสูงขึ้น​ ซึ่งจะสวนทางกับนโยบายดูแลราคาสินค้าให้ลดลงของรัฐบาล​ 

ขณะที่ภาคเอกชน เบ​ื้องต้น​ได้เตรียมปรับแผนเส้นทางขนส่งสินค้า​ทั้งทางรางและ​ทางน้ำ​ หากกรณีน้ำท่วมรุนแรงจะกระทบเส้นทางขนส่งทางถนน​ 

นอกจากนี้​  ส.อ.ท. ยังได้ดำเนินการร่วมกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และมูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูปถัมภ์​ เพื่อร่วมบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่ และรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่ส่งผลต่อสถานการณ์น้ำของประเทศทั้งปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ให้เกิดเสถียรภาพและมีความมั่นคงต่อความต้องการใช้ในทุกภาคส่วน

ขณะนี้​ สอท.​ ได้ส่งทีมลงสำรวจเก็บข้อมูลความต้องการใช้น้ำในแต่ละจังหวัด  ซึ่งได้ดำเนินการเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2564  ทั้งอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำปริมาณมากและอุตสาหกรรมที่ใช้ปริมาณน้ำน้อย โดยจะพบว่า​ ในพื้นที่อีอีซี (EEC) คาดว่าความต้องการใช้น้ำในปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 10-20% จากปริมาณการผลิตทั้งหมด 

โดยเฉพาะอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ เกษตรแปรรูปและอาหารที่ต้องใช้น้ำปริมาณมาก จึงต้องเตรียมรองรับ ปริมาณน้ำไม่เพียงพอ ต่อการลงทุนเนื่องจากแนวโน้มการลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าวจะขยายตัวมากขึ้นจากการย้ายฐานการผลิต เข้ามาในพื้นที่ EEC​ จึงต้องเตรียมแผนน้ำในการผลิต​ให้เพียงพอสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน

โดยการเก็บข้อมูลสำรวจคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี​ 2567 และจะนำข้อมูลเชื่อมระบบกัขคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ​ เพื่อวางแผนยุทธศาสตร์บริหารระยะยาวต่อไป