“พิชัย” ปฏิเสธแก้ พ.ร.บ.แบงก์ชาติ หวังธปท.เร่งแก้เงินฝืด

07 พ.ค. 2567 | 08:16 น.
อัปเดตล่าสุด :07 พ.ค. 2567 | 08:25 น.

รมว.คลัง ปฏิเสธแก้ พ.ร.บ.แบงก์ชาติ ชี้เศรษฐกิจในประเทศดีต้องมองทิศทางเดียวกัน หวัง ธนาคารแห่งประเทศไทย รีบเร่งแก้เงินฝืด ลั่นความอิสระ ต้องตอบสนองนโยบายรัฐ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวจะมีการแก้ไข พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. นั้น ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดดังกล่าว เนื่องจากเป็นกฎหมายที่ดีอยู่แล้ว

ขณะที่การแก้ปัญหากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Institutions Development Fund) หรือ FIDF ให้ธปท.ดูแลนั้น เรื่องกองทุนเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว สุดท้ายเงินก็อยู่ตะกร้าเดียวกัน

“เบื้องต้น ผมเข้าใจว่าสุดท้ายไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็เป็นของประเทศ ต้องมาดูว่าใครกำลังดีกว่า โดยปี 2540 ธปท.น่าจะลำบาก ท่านจะไปกู้เงินมาทำอะไรก็ลำบาก เพราะคนที่ยังมีแรงกู้คือภาครัฐ ส่วนสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไรนั้นก็ต้องมีการหารือกัน และเงินก็อยู่ในตะกร้าเดียวกัน”

สำหรับการที่จะทำให้เศรษฐกิจในประเทศเติบโตไปในทิศทางที่ดีจะต้องทำให้คนในประเทศไม่เห็นต่าง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าการเห็นต่างเป็นเรื่องที่ไม่ดี โดยมองจุดร่วมที่กระทรวงการคลังอยากเห็นธปท. คือ อยากเห็นธปท.มีสถานะการเงินของประเทศที่มั่นคง สถาบันการเงินที่มีการอำนวยความสะดวกและมีสถานะการเงินที่มั่นคง ทั้งนี้ ยังอยากเห็นมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้สถานการณ์เงินฝืดอยู่ จะเหยียบคันเร่งขึ้นดีหรือไม่

ส่วนมีการมองความอิสระของธนาคารกลางมากน้อยแค่ไหนนั้น นายพิชัย กล่าวว่า ความอิสระของธนาคารกลางทุกประเทศเป็นเหมือนกันหมด คือ มีอิสระในความคิด และมีอิสระในการวิเคราะห์ และมีอิสระในการเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด

แต่ทางเลือกเหล่านั้น มีการตอบสนองความต้องการของประชาชน หรือพูดอีกอย่างว่า จะต้องตอบสนองความต้องการผู้ที่มาทำงานแทนประชาชน หรือภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ในความอิสระ ต้องดูว่าทุกคนได้รับผลประโยชน์เท่าเทียมกันหรือไม่

“ผมคุ้นเคยกับผู้ว่าแบงก์ชาติดี ทำงานอยู่ในแวดวงที่ไม่ต่างกัน สิ่งที่ผมเห็น คิดว่า ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่เมื่อทางหนึ่งได้ดี ทางหนึ่งอาจจะเสีย ซึ่งอาจจะมองไม่เห็น ฉะนั้น สิ่งที่ต้องทำ คือ มานั่งคุยกัน หาจุดยืน หาข้อเท็จจริงมาวาง และร่วมกันแก้ปัญหาให้ประเทศ ซึ่งยังไม่ได้มีการระบุวันที่จะเข้าไปหารือกับผู้ว่าแบงก์ชาติ แต่จะมีการหารือทันทีที่มีโอกาส”