เปิดข้อเรียกร้อง "ม็อบกัญชา" ส่งถึง นายกรัฐมนตรี

10 มิ.ย. 2567 | 06:50 น.

เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ยื่นข้อเรียกร้องถึง นายกรัฐมนตรี ค้านดึง "กัญชา" กลับมาเป็นยาเสพติด เน้นย้ำต้องใช้กฎหมายควบคุมเฉพาะ เสนอตั้งคณะกรรมการร่วมภาคประชาชนภาครัฐ 

จากกรณีที่ เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ปักหลักค้างคืนหน้าทำเนียบรัฐบาล เนื่องในวันกัญชาไทย 9 มิถุนายนที่ผ่านมาเรียกร้องให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เร่งหาทางออกในเรื่องนี้โดยเร็ว หลังจากที่นายกฯ ประกาศชัดเจนว่า เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลโดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขประกาศกระทรวงดึงพืชกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 และเร่งออกกฎกระทรวง อนุญาตให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น พร้อมกำหนดไทม์ไลน์การดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ 

ความคืบหน้าล่าสุด นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายกัญชา ได้ยื่นหนังสือเรื่อง ขอให้ควบคุมกัญชาโดยกฎหมายระดับพระราชบัญญัติถึงนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี

สาระหลัก คือ เรียกร้องให้การควบคุมกัญชานั้นต้องมีกฎหมายเฉพาะหรือถูกควบคุมโดยพระราชบัญญัติกัญชา พร้อมเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาคประชาชนและภาครัฐเพื่อสํารวจวิจัยข้อมูลในมิติต่าง ๆ เกี่ยวกับกัญชารอบด้านโดยรัฐบาลต้องเลิกตั้งธงว่า กัญชาต้องควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติด

ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนระหว่างการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมกัญชาที่ปักหลักอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมาโดยกล่าวสั้น ๆ ว่า

กลุ่มผู้ชุมนุมคงไม่ได้อยากคุยกับตนเนื่องจากเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล มองว่าเพื่อแสดงให้ผู้ใหญ่ได้เห็นซึ่งก็เป็นไปตามสิทธิในระบอบประชาธิปไตยโดยส่วนตัวไม่ติดขัดและไม่มีปัญหาอะไร 

สำหรับข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมมีรายละเอียด ปรากฎดังนี้ 

สังคมตกผลึกร่วมกันว่ากัญชานั้นต้องควบคุม เราขอให้รัฐบาลใช้ พ.ร.บ.กัญชาควบคุมเพราะมีประสิทธิภาพมากกว่า และขอคัดค้านการควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติด โดยเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี ดังนี้

เปิดข้อเรียกร้อง \"ม็อบกัญชา\" ส่งถึง นายกรัฐมนตรี

1.การควบคุมกัญชาจะต้องใช้กฎหมายเฉพาะหรือพระราชบัญญัติกัญชาจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการควบคุมโดยประมวลกฎหมายยาเสพติด

นายกรัฐมนตรีจึงตระหนักว่า การที่พรรคของท่านเอากัญชากลับสู่ยาเสพติดจะทําให้ผู้ที่ผลิตกัญชาจะเหลือเพียงกลุ่มทุนใหญ่ และเมื่อพูดถึงกัญชาทางการแพทย์ภายใต้กฎหมายยาเสพติด ประชาชนจะไม่ได้ใช้ยากัญชาหรืออาจใช้ได้แต่ต้องจ่ายในราคาสูงมากเหมือนประสบการณ์ช่วงหนึ่งในประเทศอังกฤษ การนํากัญชาสู่ยาเสพติดจะทําให้คนกลุ่มเดียวควบคุมกัญชาที่มีมูลค่านับแสนล้าน

ส่วนการอ้างว่า เมื่อนํากัญชาเข้าสู่ยาเสพติดจะสามารถปกป้องเยาวชนได้ขอให้รัฐบาลสรุปบทเรียนการปกป้องเยาวชนของรัฐบาลภายใต้วิธีคิดแบบเดิมสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่

2.หากรัฐบาลยังไม่ยอมรับในการควบคุมกัญชาด้วยกฎหมายพระราชบัญญัติ ขอให้ตั้งคณะกรรมการร่วม ระหว่างภาคประชาชนและภาครัฐเพื่อสํารวจวิจัยข้อมูลในมิติต่าง ๆ เกี่ยวกับกัญชาโดยใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์จํานวน 2 ชุด มากําหนดสถานะของกัญชา ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องเลิกตั้งธงว่า กัญชาต้องควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติด

เปิดข้อเรียกร้อง \"ม็อบกัญชา\" ส่งถึง นายกรัฐมนตรี

ชุดที่ 1 ข้อมูลเปรียบเทียบในประเด็นข้อดีข้อเสียระหว่างกัญชากับสิ่งที่รัฐบาลอนุญาตให้ประชาชนเข้าถึงแบบง่ายดาย คือ บุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีลักษณะที่จะต้องพิสูจน์คือ ข้อดีและข้อเสียต่อร่างกาย ข้อดีและข้อเสียต่อสังคมและ คุณสมบัติในการรักษาโรค หากปรากฏว่าคุณสมบัติทั้งสามประการของกัญชาไม่ได้ร้ายแรงกว่าสุราและบุหรี่ ก็ต้องควบคุม กัญชาโดยกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ

ชุดที่ 2 ให้ตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาคประชาชน ภาครัฐ เพื่อสํารวจวิจัยชุดข้อมูลว่าด้วยผลที่เกิดขึ้นจากการ ปลดล๊อคกัญชา 2 ปี หากผลการวิจัยพบว่ากัญชาก่อประโยชน์มากกว่าและข้อเสียสามารถออกกฎหมายควบคุมได้ก็ให้นํากัญชาไปควบคุมโดยกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติ

เปิดข้อเรียกร้อง \"ม็อบกัญชา\" ส่งถึง นายกรัฐมนตรี