นโยบายการพัฒนา “เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน” 10 พื้นที่ทั่วประเทศ คือ ตาก สระแก้ว มุกดาหาร ตราด สงขลา หนองคาย นครพนม กาญจนบุรี นราธิวาส และเชียงราย ซึ่งรัฐบาลได้เริ่มดำเนินงานพัฒนา เมื่อปี 2558 ขณะนี้ผ่านมาแล้ว 9 ปีเต็ม พบว่า การพัฒนาในกลาย ๆ ด้านมีความคืบหน้า และมีเงินลงทุนจากภาคเอกชนเข้าไปในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้การสนับสนุนในด้านสิทธิประโยชน์การลงทุน การจัดตั้งศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จด้านการบริหารจัดการแรงงาน และการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากร การจัดหาพื้นที่พัฒนาเพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการลงทุน
โดยมีคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ซึ่งต่อมาได้รับการยกเลิกไปโดยคำสั่งหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 และปัจจุบันได้มีคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) เป็นกลไกในการดำเนินงานตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. 2564
ล่าสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานความก้าวหน้าล่าสุด ณ เดือนมิถุนายน 2567 พบข้อมูลด้านมูลค่า ทั้ง การลงทุนเอกชน และ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ รวม 51,654.15 ล้านบาท (ข้อมูลปี 2558 - ปัจจุบัน) ประกอบด้วย
1. การลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และดำเนินการลงทุนแล้ว 84 โครงการ วงเงิน 25,840.32 ล้านบาท ในประเภทกิจการ อาทิ เสื้อผ้าสำเร็จรูป พลาสติก อาหารสัตว์ยานยนต์ เครื่องจักรและชิ้นส่วน อุปกรณ์ก่อสร้าง โรงพยาบาล ถุงมือยางทางการแพทย์ (จากโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด 121 โครงการ วงเงิน 30,236 ล้านบาท)
2. โครงการลงทุนของภาคเอกชนในพื้นที่พัฒนาซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด กาญจนบุรี และนครพนม รวม 5,106.02 ล้านบาท
3. การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสระแก้วและสงขลา รวม 5,731.21ล้านบาท (เฉพาะเงินลงทุนของ กนอ.และการลงทุนของภาคเอกชนในนิคมฯ)
4. การจัดตั้งธุรกิจใหม่ 7,701 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 14,439 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็น SMEs สูงถึง 98% มีประเภทกิจการ อาทิ ก่อสร้างอาคารทั่วไป โลจิสติกส์ ผลิตเสื้อผ้า อสังหาริมทรัพย์ และโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ผลิตไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์จากไม้แปรรูป
5. การจัดตั้งเขตปลอดอากรในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก หนองคาย และสงขลา และคลังสินค้าทัณฑ์บนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก มุกดาหาร สงขลา หนองคาย และเชียงราย วงเงินรวม 510 ล้านบาท ซึ่งขอรับสิทธิประโยชน์ของกรมศุลกากร
6. การให้สินเชื่อของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) เพื่อการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงรายและสงขลา รวม 27.6 ล้านบาท
ส่วนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ใน 10 พื้นที่ ครอบคลุมทั้งในด้านการคมนาคมขนส่งระบบสาธารณูปโภค/สาธารณูปการ การพัฒนาด่านพรมแดน/ด่านศุลกากร การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสังคม ซึ่งสามารถดำเนินการได้ตามแผน ปัจจุบันมีความก้าวหน้าการดำเนินงานเฉลี่ย 89% และมีโครงการสำคัญที่แล้วเสร็จ/จะทยอยแล้วเสร็จในช่วงปี 2562-2568
สำหรับโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ มีดังนี้
ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ มีดังนี้