นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกาคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับโครงการเติมเงิน ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ได้เห็นชอบปรับเพิ่มรายการสินค้า ที่ไม่สามารถใช้เงินดิจิทัลวอล ได้อีก 3 รายการ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์สื่อสาร
ทั้งนี้ ยกตัวอย่าง เช่น โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน เนื่องจากต้องการให้เม็ดเงินดิจิทัล เกิดกระตุ้นการใช้จ่ายกับสินค้าที่ผลิตในประเทศ อีกทั้งยังป้องกันการกระจุกตัวจากการใช้จ่าย เพราะสินค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะมีราคาสูง และผลิตจากนอกประเทศ ส่วนปุ๋ยเคมียังอนุญาตให้เงินดิจิทัลซื้อได้อยู่
“ขอย้ำว่าทั้งหมดยังเป็นมติของคณะอนุกรรมการกำกับ และหลังจากนี้จะต้องเสนอให้ที่ประชุมชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นฝ่ายพิจารณา ในวันที่ 15 ก.ค.นี้ ว่าจะเห็นด้วยตามนี้หรือไม่ ซึ่งจะต้องรอความชัดเจนอีกที”
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า โครงการดิจิทัล จะเดินหน้าตามเดิม เริ่มลงทะเบียนภายในปลายเดือนนี้ หรือต้นเดือนหน้า และปิดลงทะเบียนก่อนสิ้นเดือนก.ย.67 และประชาชนจะได้รับเงินไปใช้ได้ไตรมาส 4 เหมือนเดิม โดยนายกฯ จะมีการแถลงทางการอีกครั้งวันที่ 24 ก.ค.นี้
สำหรับเงื่อนไขคุณสมบัติยังยึดตามเดิม ได้แก่
สำหรับการใช้จ่ายอื่นยังให้ตามเดิม โดยการใช้จ่ายรอบแรกจากประชาชนไปร้านค้ายังต้องใช้จ่ายร้านค้าภายในอำเภอ และมีรายการสินค้าต้องห้าม
ขณะที่การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าไม่จำกัดพื้นที่ ส่วนการถอนเงินออกต้องเป็นร้านค้าในระบบภาษี และเพิ่มเติมต้องมีการลงทะเบียนด้วยเบอร์โทรศัพท์แบบรายเดือนเพื่อป้องกันการทุจริต
ทั้งนี้ เรื่องระบบยืนยันตัวตนไม่มีปัญหา ยืนยันว่าจะจบในไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยขณะนี้ประชาชน และร้านค้าสามารถเข้าไปยืนยันตัวตนล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” สำหรับดำเนินการ KYC ได้ เพื่อป้องกันระบบมีปัญหา หากประชาชนเข้าใจงานพร้อมกันจำนวนมาก ขณะเดียวกัน คาดว่าจะมีร้านค้าเข้ามาในโครงการไม่ต่ำกว่า 3 ล้านราย