“เอกชน” จี้รัฐบาลใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจทันที ดันกำลังซื้อโค้งสุดท้ายของปี 67

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย กล่าวว่า หลังจากได้รัฐบาลใหม่แล้ว สิ่งที่ผู้ประกอบการธุรกิจคาดหวังให้รัฐบาลแก้ไขอย่างรวดเร็วที่สุดคงเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การหมุนเวียนเงินในประเทศ และที่สามารถทำได้ทันทีคือเงินงบประมาณที่จะลงมากระตุ้นการใช้จ่าย เพราะขณะนี้ไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการรายเล็กที่รอคอยแต่รายใหญ่ก็คาดหวังเช่นกัน หากรัฐบาลสามารถเร่งรัดการใช้จ่ายจากงบประมาณได้จะทำให้เศรษฐกิจไทยกระเตื้องขึ้น ตั้งแต่ภาคประชาชนในกลุ่มเปราะบางไปจนถึงภาคเอกชน

"ตอนนี้เป็นช่วงขาลงมากๆ ของเศรษฐกิจไทย เช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลก ที่ประสบปัญญหาทางด้านเศรษฐกิจเหมือนกัน เพราะหลังจากโควิด-19 ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นคือเรื่องเงินเฟ้อ ข้าวของแพงรัฐบาลจะต้องหาทางวิธีแก้ไขให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องกับเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย"

โดยรัฐบาลส่วนใหญ่ในหลายประเทศ มักใช้วิธีกดเงินเฟ้อไว้ด้วยการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งแน่นอนว่าการขึ้นดอกเบี้ยทำให้เกิดผลกระทบกับภาคธุรกิจ เพราะต้นทุนทางการเงินจะสูง แม้รัฐบาลจะพยายามประคองราคาสินค้าให้ถูกลงแต่หากผ่านไปช่วงระยะหนึ่งจะทำให้เกิดภาวะเงินฝืด และกลายเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอย และหลายประเทศก็พยายามพลิกสถานการณ์โดยใช้นโยบายการลดดอกเบี้ยเช่นกัน 

ฉะนั้นเรื่องเศรษฐกิจในภาพใหญ่จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเร่งดูแล และจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยก้าวทันโลกและปรับเปลี่ยนได้ทันการณ์ เพราะประเทศไทยไม่อาจฝืนเศรษฐกิจโลกได้ ยังเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็ก และเรื่องนี่ก็มีผลต่อต้นทุนของผู้ประกอบการระดับเอสเอ็มอีมากพอสมควร รวมถึงการเข้าถึงสินเชื่อด้วย

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการท่องเที่ยวที่ต้องเร่งปรับ เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มระดับรายได้ไม่สูงนักเริ่มชะลอท่องเที่ยว ใช้จ่ายน้อยลง ส่งผลกระทบต่อโรงแรงขนาดเล็ก เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านวิธีการท่องเที่ยว ด้วยการเช่าที่พักแบบ Airbnb มากกว่า รวมทั้งเรื่องสินค้าจีนก็ต้องทำให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้, ค่าแรงก็เป็นอีกด้านที่ต้องคำนึงถึง หากปรับค่าแรงขั้นต่ำในทันจะส่งผลกระทบอย่างแน่นอน และในระยะยาวคือเรื่องกำลังซื้อที่คนไทยยังน้อยอยู่ หากเศรษฐกิจดีขึ้นจะช่วยได้มาก

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลไทยมีหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายทาง ผู้ประกอบการธุรกิจก็ติดตามอยู่ว่านโยบายต่างๆ จะช่วยได้และผู้ประกอบการเข้าถึงหรือเปล่า เพราะเป็นเรื่องสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งจะต้องมาจากระดับฐานราก โดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจระดับย่อยจนถึงระดับกลาง ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่ถือว่าน่าเป็นห่วงน้อยที่สุด เพราะสามารถระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้

"ในโค้งสุดท้ายของปีนี้สิ่งที่ผู้ประกอบการคาดหวังได้คือการส่งออกน่าจะเริ่มนิ่งและเป็นบวก เติบโตขึ้นแม้เติบโตไม่ได้มากนัก แต่ยังคงสามารถรักษาฐานการส่งออกได้แม้การแข่งขันสูง ขณะเดียวกันเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนก็สำคัญ รวมทั้งเรื่องเงินบาทแข็งค่า ที่ผันผวนรวดเร็วและรุนแรง ยังทำให้ในแต่ละเดือนผู้ส่งออกค่อนข้างปรับตัวอยากพอสมควร"