KEY
POINTS
ความกังวลต่อสถานการณ์เคลื่อนไหวของเงินบาทตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 19 กันยายน 2567 เงินบาท “แข็งค่า” แล้ว 2.4% แม้ว่าหลังที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีมติ 11 ต่อ 1เสียงให้ลดดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75%-5.00% ตามที่ตลาดคาด หนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวสูงขึ้น
นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ทิศทางเงินดอลลาร์เทียบค่าเงินบาทค่อนข้างผันผวน หลังผลประชุมเฟด ทั้งจังหวะเงินดอลลาร์อ่อนค่ารับข่าว จากนั้นเงินดอลลาร์ฟื้นตัวจากแรงซื้อคืนและอ่อนค่ากลับไปอีกรอบ สาเหตุจากตลาด ยังคงมองโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟด
"การปรับลดดอกเบี้ยเมื่อคืนวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ไม่ใช่เป็นการลดดอกเบี้ยครั้งเดียว เพราะเฟดส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยลงต่อในรอบการประชุมที่เหลือของปี"
โดยสัญญาณจาก dot plot สะท้อนว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ก่อนสิ้นปีนี้ และเฟดยังมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อเนื่องในปีหน้า ซึ่งปัจจัยนี้จะกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า และทำให้เงินบาทแข็งค่าไปทดสอบ 33 บาทต่อดอลลาร์ได้
อย่างไรก็ดี ภาพรวมการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทผันผวนเช่นกัน ซึ่งในครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลังจะเป็นคนละภาพกัน จากครึ่งปีแรกจะเห็นเงินบาทอ่อนค่า จากนั้นเริ่มทยอยแข็งค่าตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมและครึ่งปีหลังเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน โดยรวมเงินบาทแข็งค่ามาแล้ว 2.4%
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยกล่าวว่า ส่วนตัวมองเฟดไม่เร่งลดดอกเบี้ยและเงินบาทได้ผ่านจุดแข็งค่าสุดไปแล้ว แนวโน้มเงินบาทจะอ่อนค่าลงบ้าง
"จุดที่เงินบาทจะอ่อนค่ามากน่าจะมีช่วงเดียวคือ เดือนพฤศจิกายนปีนี้ที่จะมีการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง หลังจากนี้ต้องไปรออีกทีในไตรมาส2 ปีหน้า (ปี2568) ซึ่งปกติเงินบาทจะอ่อนค่า แต่หากคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ลดดอกเบี้ยนโยบายด้วยอาจจะมีจังหวะอ่อนได้อีก"
ส่วนทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้นส่วนตัวมองปลายเดือนต.ค.จะมีการประชุมนักวิเคราะห์ จะเป็นจุดที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะ “ลดหรือไม่ลดดอกเบี้ยนโยบาย” โดยการตัดสินใจทำอะไรน่าจะเห็นในเดือนธ.ค. สิ้นปีนี้
ทั้งนี้ ผลประชุมล่าสุดของธปท.ตีความได้หลายแบบ เพราะคนมองว่า มีการพูดถึงหนี้เสียเยอะขึ้น กังวลคุณภาพของเครดิตอาจจะเหมือนปูทางไปสู่การลดดอกเบี้ยหรือไม่
"แต่ถ้าเรามองอีกมุมคือ ธปท.ยังไม่ลดดอกเบี้ยนโยบาย เพราะจากสัญญาณอาจจะแค่บอกว่า มีปัญหาแต่จะแก้ปัญหาด้วยเครื่องมือที่เจาะจง เช่น มาตรการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม(RL)รวมถึงสนับสนุนให้มีการรวมหนี้”
ส่วนความเสี่ยงช่วงที่เหลือ แนะนำให้ติดตามดอกเบี้ยเฟดและเศรษฐกิจของสหรัฐ เพราะจะสร้างความผันผวนกับตลาดการเงินได้พอสมควร ซึ่งขึ้นกับเหตุผลในการลดดอกเบี้ยและแนวโน้มในการลดดอกเบี้ยเพราะอะไร ถ้าบอกว่า เร่งลดดอกเบี้ยเพราะภาพของเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอชัดเจน เงินบาทจะแข็งค่าหลุด 33บาท/ดอลลาร์ แต่กรณีนี้อาจจะเป็นกรณีแย่สุด
สำหรับทิศทางเงินบาทนั้น ส่วนตัวมองว่า ปัจจัยภายนอกจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาท เพราะปัจจัยพื้นฐานในประเทศการส่งออกและการท่องเที่ยวไม่น่าจะผิดคาด แต่ก็ต้องจับตามองว่า ส่งออกและการท่องเที่ยวไทยจะเป็นอย่างไร
รวมถึงค่าระวางเรือกับค่าขนส่งสินค้า ซึ่งจะมีผลต่อดุลบัญชีเดินสะพัดพอควร (ล่าสุดค่าระวางเรือทยอยปรับลดลงเหลือ 4,100 ดอลลาร์ต่อตู้ขนาด 40ฟุตจากก่อนหน้าเกือบ 6,000 ดอลลาร์) ถัดมาคือ ฟันด์โฟลว์ ซึ่งจะสะท้อนว่า นักลงทุนต่างชาติยังเชื่อมั่นกองทุนวายุภักษ์หรือรัฐบาลไทยหรือไม่ และราคาทองคำ(ถ้าทองคำไม่มีอัพไซซ์ เงินบาทก็จะไม่ค่อยมีปัจจัยหนุน)
ขณะที่บอนด์ยีลด์ไทยค่อนข้างนิ่ง สาเหตุจาก
ขณะที่ความกังวลต่อซัพพลายจาก “ดิจิทัล วอลเลต”ไม่มีแล้ว เพราะปรับรูปแบบทยอยจ่ายเงิน อีกทั้งสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)แถลงแผนกู้เงินเพิ่มในวงเงินไม่มาก
ส่วนการป้องกันความเสี่ยงของผู้นำเข้าและผู้ส่งออกนายพูนกล่าวว่า ลูกค้าเปิดใจป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินเพิ่มขึ้น แต่ช่วงนี้วงเงินผู้นำเข้าจะเริ่มเต็ม ทำให้เมื่อเงินบาทแข็งค่ามาก ไม่สามารถทำ Forward ได้ บางส่วนอาจจะรอซื้อ Spot แต่ผู้ส่งออกจะบ่นมากในจังหวะที่เงินบาทแข็งค่า เพราะลูกค้าวงเงินไม่พอในจังหวะที่จะปิดความเสี่ยง อาจจะลำบากใจที่จะปิดความเสี่ยง เพราะมาเจอภาวะเรทต่ำ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาลูกค้าของกรุงไทยเลือกรับมือด้วยกลยุทธ์ใช้เครื่องมือ Option ช่วยเสริมกับลูกค้าที่ทำ Forward เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเร็วความผันผวนสูง ซึ่งการทำ Option เหมือนประกันความเสี่ยงให้กับลูกค้าได้และเท่าที่ทราบปริมาณทำ Option มีสัญญาณโตขึ้น
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,029 วันที่ 22 - 25 กันยายน พ.ศ. 2567