นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ชี้แจงต่อสภาในประเด็นที่นางสาวภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายถึงรัฐบาลแพทองธารในประเด็นโครงการแลนด์บริดจ์ว่า โครงการนี้ถือเป็นเป้าหมายของรัฐบาลที่เป็นเส้นทางการขนส่งสินค้าทางเรือ ตลอดจนการเชื่อมต่อฟีดเดอร์ร่วมกัน
ปัจจุบันเป็นที่ทราบดีอยู่แล้ว่าช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าทางเรือมีความแออัดหนาแน่นเป็นจำนวนมาก ทำให้การเดินทางใช้ระยะเวลานาน ส่งผลให้การขนถ่ายสินค้าใช้เวลานานกว่าปกติ
นางมนพร ชี้แจงต่อว่า โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคมทุกโครงการมีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ตลอดจนการลงพื้นที่สำรวจเส้นทางรถไฟและทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) รวมถึงการพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันประมงพื้นบ้านมีความพึงพอใจต่อการแก้ปัญหาของกระทรวงคมนาคม
ส่วนประเด็นที่มีการอภิปรายถึงความไม่คุ้มค่าของโครงการแลนด์บริดจ์นั้น การพัฒนาโครงการฯนี้ไม่ได้เป็นเพียงการพัฒนาเฉพาะสายการเดินเรือเพียงอย่างเดียว แต่จะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานควบคู่กัน ตลอดจนการพัฒนาธุรกิจ ประกอบด้วย 4 ส่วน
ดังนี้ 1.สายการเดินเรือ 2.ผู้ให้บริการเดินเรือ 3.ผู้ให้บริการระบบโลจิสติกส์ 4.การลงทุนอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ โดยจะเปิดประมูลเป็นแพ็คเกจเดียวกัน
ขณะที่ประเด็นฝ่ายค้านอภิปรายถึงท่าเรือระนองที่มีอยู่แล้ว แต่กลับไม่ใช้ประโยชน์นั้น ในปัจจุบันท่าเรือระนองท่าเดิมไม่มีความเหมาะสมที่จะดำเนินการในโครงการแลนด์บริดจ์ เนื่องจากเป็นท่าเรือน้ำลึก ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการขุดลอกสูงและไม่สามารถรองรับท่าเรือขนาดใหญ่ได้
นอกจากนี้ท่าเรือระนองท่าเดิมเป็นเพียงท่าเรือที่ขนส่งสินค้าตามแนวชายฝั่งเท่านั้น ทำให้เรือขยาดใหญ่ที่มีความลึก 18 เมตร ไม่สามารถเทียบท่าดังกล่าวได้ หากใช้โครงการแลนด์บริดจ์จะสามารถขนส่งสินค้าทางเรือขนาดใหญ่ได้
นางมนพร ชี้แจงต่อว่า ส่วนการจัดทำร่างพ.ร.บ.SEC นั้น ปัจจุบันกระทรวงอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นเอกชน หลังจากนั้นจะเสนอต่อครม.เห็นชอบต่อไป
“นโยบายใดๆก็ตามที่ไม่มีกฎหมายให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนนั่นไม่ใช่กฎหมายที่ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งเราขอโอกาสให้ภายใน 1 ปีรัฐบาลได้ซ่อม และภายใน 3 ปีได้สร้างในยุครัฐบาลแพทองธาร” นางมนพร กล่าว