สรรพสามิตเปิดสูตรคำนวณภาษีคาร์บอน เคลื่อนเศรษฐกิจสู่ Net Zero

26 ก.ย. 2567 | 06:26 น.
อัพเดตล่าสุด :26 ก.ย. 2567 | 07:54 น.

สรรพสามิตชี้ไทยเหลือเวลา 6 ปี ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหลือ 333 ล้านตันคาร์บอน ชงใช้ “ภาษีคาร์บอน” เคลื่อนเศรษฐกิจ Net Zero เปิดวิธีคำนวณภาษี

นางสาวรัชฎา วานิชกร ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต กล่าวในหัวข้อ “ภาษีคาร์บอน กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ” ในงานสัมมนา Road to Net Zero 2024: The Extraodinary Green จัดโดยฐานเศรษฐกิจ  ว่า ประเทศไทยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 372 ตันคาร์บอนต่อปี โดยส่วนใหญ่มาจากภาคพลังงานและภาคขนส่ง คิดเป็น 70% รองลงมาเป็นภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และการจัดการของเสีย 

ทั้งนี้ ในปี 2050 ประเทศไทยได้ประกาศและให้คำมั่นสัญญาไว้ว่าจะเดินหน้าประเทศสู่เน็ตซีโร่ หรือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และตั้งเป้าหมายที่ใกล้กว่านั้นคือปี 2030 จะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 30-40% 

นางสาวรัชฎา วานิชกร ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต

“ตอนนี้เราเหลือเวลาอีก 6 ปี ที่จะต้องพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในปี 2030 จาก 555 ล้านตันคาร์บอน ลงมาที่ 333 ล้านตันคาร์บอน ซึ่งกลไกราคาคาร์บอนจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำให้เราก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายนี้ได้”

นางสาวรัชฎา กล่าวว่า กรมสรรพสามิต จึงได้เสนอให้มีการใช้กลไกของ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต เป็นการเก็บภาษีคาร์บอนนำร่องไปพลาง ก่อนที่กฎหมายใหม่จะมีผลบังคับใช้ โดยการเก็บภาษีของสินค้าที่ปล่อยมลพิษสูงและอยู่ในพิกัดสรรพสามิต 

ทั้งนี้ จากการศึกษากรณีตัวอย่างในต่างประเทศในการคำนวณกลไกราคาคาร์บอน โดยการนำสินค้าเชื้อเพลิงจำนวนเท่ากันไปเผาไหม้แล้วบันทึกปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกมา ซึ่งเชื้อเพลิงแต่ละชนิดมีความสะอาดไม่เท่ากัน 

โดยเบื้องต้นภาครัฐได้มีการกำหนดราคาคาร์บอนเป็นราคาเดียว ซึ่งยุโรปราคาคาร์บอนสูงกว่า 100 ดอลลาร์ ญี่ปุ่นอยู่ที่ 3 ดอลลาร์ สิงคโปร์จากเริ่มต้น 5 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเป็น 25 ดอลลาร์ ส่วนประเทศไทยยังไม่กำหนด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา เบื้องต้น กำหนดไว้ที่ 200 บาท หรือประมาณ 6 ดอลลาร์

สรรพสามิตเปิดสูตรคำนวณภาษีคาร์บอน เคลื่อนเศรษฐกิจสู่ Net Zero

”เมื่อนำราคาคาร์บอนไปคำนวณกับปริมาณเชื้อเพลิงก็จะได้ออกมาเป็นกลไกราคาคาร์บอนที่อยู่ในเชื้อเพลิงแต่ละประเภท ซึ่งที่ปล่อยคาร์บอนมากที่สุดคือ LPG รองลงมาเป็นน้ำมั้นเตา ดีเซล และเบนซิน“

ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตต้องการบรรลุเป้าหมายในการขับเคลื่อนนโยบายภาษีคาร์บอน คือ สะท้อนให้ผู้ใช้ตระหนักและเห็นว่าต้นทุนในการใช้เชื้อเพลิงที่ปล่อยคาร์บอนออกมา แต่ยังไม่ต้องกังวลว่าภาษีคาร์บอนจะทำให้ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น และเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 

โดยการดำเนินการในช่วงแรกจะเป็นการสร้างความตระหนักสำหรับภาคอุตสาหกรรมรวมถึงประชาชน ว่ากิจกรรมที่ทำนั้นมีราคาของคาร์บอน แต่จะไม่ให้กระทบกับต้นทุนในการใช้ชีวิตและประกอบธุรกิจ

”แนวนโยบายดังกล่าวเตรียมที่จะมีการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็ววันนี้ ก่อนจะมีความชัดเจนว่าสุดท้ายแล้วจะกำหนดราคาคาร์บอนที่ 200 บาทหรือไม่“