วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงลิมา ประเทศเปรู ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 12 ชม.) ณ โรงแรม Swissotel Lima สาธารณรัฐเปรู นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมการหารือกับ US-APEC Business Coalition โดยยืนยันประเทศไทย เปิดกว้างสำหรับธุรกิจและการลงทุนและพร้อมมุ่งขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจร่วมกันกับสหรัฐฯ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและสหรัฐฯ โดยการลงทุนของสหรัฐฯในไทยนั้น ได้สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการทำงานอย่างมีนัยสำคัญ และย้ำถึงการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจต่อเนื่อง ในการส่งเสริมการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในสหรัฐฯ เพื่อกระชับความสัมพันธ์การค้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกทั้งมีความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับภาคธุรกิจสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาความร่วมมือที่เกิดประโยชน์ร่วมกันในอนาคต
ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้เน้นนโยบายเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์และเป็นมิตรต่อการลงทุน พร้อมเปิดกว้างในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศในกรอบความร่วมมือทวิภาคีและภูมิภาค เช่น APEC และ IPEF ที่มุ่งมั่นเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
โดยรัฐบาลไทย ได้เสนอสิทธิพิเศษทางด้านธุรกิจ เช่น การยกเว้นวีซ่าและวีซ่าพำนักระยะยาวให้กับนักธุรกิจ เพื่อดึงดูดนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลาง ด้านเกษตรอัจฉริยะ เศรษฐกิจดิจิทัล และการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด
พร้อมกันนี้ รัฐบาลไทยยังส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่สามารถแข่งขันในระดับโลก รวมถึงสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานสะอาด โดยนายกรัฐมนตรี ยังชูวิสัยทัศน์ในการส่งเสริมการค้าเสรีและข้อตกลง FTA ที่พร้อมขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในกรอบ OECD ซึ่งจะยกระดับมาตรฐานความโปร่งใสและต่อต้านการทุจริตเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจไทยอีกด้วย
นายกฯ ยังได้กล่าวว่า รัฐบาลเน้นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและสหรัฐฯ โดยชี้ให้เห็นว่าการลงทุนของสหรัฐฯ ในไทยเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 2566 มีมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 70% จากปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของสหรัฐฯ ในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของไทย
อย่างไรก็ตามรัฐบาล ยังมุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น พลังงานสะอาด เทคโนโลยีทางการแพทย์ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และไทยยังส่งเสริมความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์ สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและพัฒนาทักษะบุคลากร รวมทั้งการมุ่งมั่นส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ไทย ขับเคลื่อนการศึกษา และพัฒนาฝีมีอแรงงานเพื่อเตรียมรับอุตสาหกรรมอนาคตด้วย
ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ก่อนการเดินทางเข้าร่วมประชุมเอเปค ที่เปรูได้มีโอกาสเดินทางไป ที่นครลอสแอนเจลิส และพบหารือภาคเอกชนสหรัฐฯ โดยที่ผ่านมา ไทย สหรัฐฯ มีความร่วมมือการลงทุนระหว่างกันกว่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 5 แสนล้านบาท และสร้างงานกว่า 70,000 ตำแหน่ง ทั้งนี้รัฐบาลไทยตั้งเป้าส่งเสริมการลงทุนของสหรัฐฯ ในไทยและกระชับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจตลอดไป นายกรัฐมตรีกล่าวทิ้งท้าย
สำหรับ U.S.-APEC Business Coalition เป็นองค์กรพันธมิตร ประกอบด้วย