ภาวะเศรษฐกิจไทย สะท้อนผ่าน GDP ไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ขยายตัว 3% จากตลาดคาด 2.4-2.7% ส่วนทั้งปี 2567 ปรับเป้าหมายใหม่ ขยายตัว 2.6% ขณะที่
ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 68 คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.3-3.3% (ค่ากลาง 2.8%) ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากปี 67
โดยมองว่าการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญในปีหน้า คือ การผลักดันให้ภาคส่งออกเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเตรียมพร้อมรับมือกับมาตรการกีดกันทางการค้า จากผลของนโยบายการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ นอกจากนี้ ต้องขับเคลื่อนการลงทุนโดยเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมาย
เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจโลกไตรมาส 3 / 2567 พบว่า เศรษฐกิจโลกในไตรมาส 3 ของปี 2567 ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า ตามเศรษฐกิจหลัก โดยเฉพาะ สหรัฐฯ จีน เช่นเดียวกับเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจอุตสาหกรรมใหม่ที่มีอัตราขยายตัวต่ำสุดในรอบหลายไตรมาส ตามการชะลอตัวของการลงทุน ภายในประเทศและการผลิตภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 50 และนับเป็นระดับต่่าสุดในรอบหลายไตรมาส
ขณะที่เศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตามการส่งออกที่ขยายตัวในเกณฑ์ดีสอดคล้องกับวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามการลดลงของราคาอาหารและพลังงาน รวมถึงการผ่อนคลายความตึงตัวของตลาดแรงงาน ส่งผลให้ธนาคารกลางประเทศเศรษฐกิจหลักปรับลด อัตราดอกเบี้ยนโยบายลง อาทิ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม เเม้ว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 /2567 จะเติบโตสูงกว่าคาด 3.0% เเต่เมื่อเทียบกับชาติอาเซียน อย่าง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ไทยโตต่ำสุด