ศูนย์วิจัยกสิกร ประเมิณว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารประเทศไทยปี2565มีการเติบโตขึ้นจากปี 2564 ประมาณ 12.9% โดยที่มีไฮไลท์ที่การระบาดของโควิด-19 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา รวมถึงมีการฟื้นตัวของการขายอาหารที่หน้าร้านเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มปรับตัวเข้ากับโควิด-19 ได้มากขึ้น และเรื่องปัจจัยด้านเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุน ในส่วนของภาคการท่องเที่ยว เริ่มมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศกลับมามากขึ้น
"ซีอาร์จี" ขานรับการฟื้นตัวของตลาดเดินเครื่องขยายสาขา " เคเอฟซี "ในรูปแบบโมเดลใหม่ล้อแนวคิดประสบการณ์ใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเพิ่มความวาไรตี้ซีรีย์ KFC Cafe’ by Arigato ประเดิมเปิด Green Store Concept สาขาราชพฤกษ์
นายปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส QSR & Western Cuisine ผู้บริหารแบรนด์ เคเอฟซี ภายใต้การบริหารโดย บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพการแข่งขันของตลาดอาหาร QSR ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีผู้เล่นรายใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นหลายราย โดยเฉพาะอาหารประเภทไก่ทอดซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมสำหรับคนไทย และนอกเหนือจากผู้เล่นใหม่ ๆ ก็ยังมีผู้เล่นเดิมในตลาด QSR ที่ขยายธุรกิจตัวเองมาสู่ธุรกิจไก่ทอดมาขึ้นเรื่อย ๆ โดยทั้งสองปัจจัยส่งผลโดยตรงต่อการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย
ในส่วนของเคเอฟซี เองจากการที่สถานการณ์ โควิด-19 ที่เบาบางลง ประกอบกับผู้บริโภคเริ่มปรับตัวให้เข้ากับโควิด-19 ได้มากขึ้น และกลับมาดำเนินชีวิตใกล้เคียงปกติ ส่งผลให้ยอดขาย" เคเอฟซี " ในช่วง Q1 – Q3 2565 เติบโตมากกว่า 25% และสัดส่วนช่องทางการจำหน่ายที่หน้าร้านเติบโตมากขึ้นกว่า 60% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ผ่านมา ซีอาร์จี เริ่มขยายสาขาด้วยร้านรูปแบบใหม่ ใน Format และขนาดที่ตอบสนองกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ควบคู่ไปกับการทำเดลิเวอรี่เพราะผู้บริโภคบางกลุ่มคุ้นชินกับความสะดวกสบายจากการใช้บริการเดลิเวอรี่ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 "ซีอาร์จี" วางแผนเดินหน้าธุรกิจเพื่อส่งให้
เคเอฟซี ยังสามารถรักษาการเป็นแบรนด์ QSR อันดับหนึ่งในใจของลูกค้าคนไทย โดยในเฟสแรกบริษัทจะทุ่มงบ 400 ลบ. รุกขยายสาขาในรูปแบบโมเดลใหม่ที่เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น พร้อมปรับโฉมร้านให้ทันสมัยโดนใจกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น โมเดล พาร์ค แอนด์ โก (Park and Go) และการหาทำเทใหม่เพื่อขยายธุรกิจเดลิเวอรี่และออมนิชาแนล รวมไปถึงการขยายเวลาการให้บริการ (Operating Hour) รองรับลูกค้าที่ทานดึก ซึ่งจะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะสามารถช่วยเพิ่มการเติบโตของธุรกิจ เคเอฟซี ได้
พร้อมกันนี้จะเดินหน้าปรับโฉมร้านใหม่ ทั้งรูปแบบ ดีไซน์ และคอนเซ็ปต์ให้ทันสมัย โดนใจ รวมถึงการนำเอา KFC Application เข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปให้มากที่สุด ด้วยการร่วมมือกับ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ในด้านความคิดริเริ่มใหม่ ๆ
โดยเป้าหมายในการขยายสาขาในปีนี้ (2565) มีแผนขยายสาขาเพิ่มจำนวนกว่า 20 สาขา และคาดว่าภายในสิ้นปีจะมีจำนวนสาขารวมมากกว่า 320 สาขา และแผนของปี 2566 ตั้งเป้าเปิดจำนวนกว่า 30 สาขา หรือประมาณ 10% ของจำนวนสาขาเดิม
ไม่เพียงแค่นั้น บริษัทยังจะสร้างความวาไรตี้พัฒนาเมนู KFC Cafe’ by Arigato โดยเน้นความแปลกใหม่ ความสะดวกในการรับประทาน และราคาของสินค้าที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพื่อ ดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการที่ร้านในช่วงเวลาเช้า และบ่ายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ชอบเมนูเครื่องดื่มชงสด และของหวานเข้ามาที่ เคเอฟซี ได้มากขึ้น และสามารถเพิ่มความถี่ในการซื้อของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขา “KFC Cafe’ by Arigato” จำนวนกว่า 260 สาขา
นอกจากนี้ยังนำร่องเปิด Green Store Concept สาขาราชพฤกษ์ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มมองหาความยั่งยืน และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดย
KFC Green Store ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “Journey to zero”ในคอนเซ็ปต์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นไปในด้านการลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โครงสร้างร้าน และวัสดุในกระบวนการก่อสร้างที่ส่งเสริมแนวคิดเพื่อความยั่งยืน เช่นกระจกประหยัดพลังงานในระดับสูงสุด ที่ป้องกันความร้อนผ่านกระจกในขณะที่ให้แสงส่องผ่านได้มาก, การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในด้านการประหยัดพลังงาน, การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล รวมถึงชุดพนักงานที่ตัดเย็บด้วยผ้าจากเส้นใยขวดพลาสติก ตลอดจนการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การตกแต่งภายในร้าน มีมุม Education & Sharing zone ที่ตกแต่งด้วยภาพวาดจากศิลปินเด็ก ในความดูแลของ มูลนิธิซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากกิจกรรมประกวดภาพวาด “สิ่งแวดล้อมในฝันของหนู” ซึ่งเป็นการเริ่มต้นเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อมแก่เยาวชนไทย รวมถึงแคมเปญ “ปรับไลฟ์ ช่วยโลก กับเคเอฟซี” ที่เป็นการกระตุ้นเพื่อปรับพฤติกรรมการลดใช้พลาสติกของลูกค้า ช่วยลดปัญหาขยะ และดำเนินการคัดแยกขยะที่หน้าร้าน อีกทั้งอาหารส่วนเกินจากการจำหน่าย ที่มีคุณภาพดีสามารถนำมาบริโภคได้ ก็ดำเนินโครงการ Harvest Program รวบรวมและส่งต่อให้กับ “บ้านราชาวดี” เพื่อเป็นการช่วยเหลือชุมชน และผู้ที่ต้องการ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจของพนักงาน เนื่องจากสามารถลดจำนวนอาหารที่จะต้องทิ้งในแต่ละวัน
นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติเพื่อความยั่งยืนอีกหลายประการ เช่น การใช้ระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพ และการลดจำนวนการใช้หลอดไฟติดเพดาน ซึ่งสามารถช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ 7% (เมื่อเทียบกับสาขาที่มีลักษณะเดียวกัน) และทำให้ร้านค้าแห่งนี้สามารถประหยัดพลังงานได้มากถึง 17,947 กิโลวัตต์ต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 10,081 กิโลกรัมต่อปี อีกด้วย