สะท้อนสถานการณ์การท่องเที่ยวดีขึ้น กว่าไตรมาสที่ผ่านมาและมีการพื้นตัวอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 โดยผู้ประกอบการคาคว่าในใตรมาสหน้าสถานการณ์ดีขึ้นกว่าไตรมาสนี้ ระดับสถานการณ์ท่องเที่ยว 1/2566 อยู่ที่ระดับ 77 ปี 2566
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท. กล่าวว่า ปี2566 นี้จะเป็นปีที่การท่องเที่ยวเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างแน่นอน และภาคการท่องเที่ยวกสับมาเป็นเครื่องจักรสำคัญในการพื้นเสรษฐกิจของประเทศอีกครั้ง
ความท้าทาย คือ การเร่งฟื้นฟู ซัพพลาย ไซด์ สร้างความเข้มแข็งให้ผู้ปะกอบการ กลับมามีความสามารถในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังบอบช้ำ ขาดสภาพคล่อง ขาดความรู้ ขาดเทคนิคการตลาดสมัยใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือ การขาดแคลนบุคลากร
ดังนั้นยุทธศาสตร์ 4 เดิม ของ สทท. คือ การเติมทุน เติมลูกค้า เติมความรู้ และเติมนวัตกรรม เป็นสิ่งสำคัญที่เดินหน้าขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ด้าน ดีมานด์ สทท. เชื่อมั่นว่าจะมีการเติบโต จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุ 30 ล้านคน สร้างรายได้มากกว่าท่องเที่ยวทั้งปีสูงกว่า 3 ล้านล้าน ที่ทำได้ในปี พ.ศ 2562
แต่หาก ซัพพลาย ไซด์ ไม่พร้อมเราก็จะสูญเสียโอกาสไป ภารกิจแรกที่คณะกรรมการ สทท. ชุดใหม่ เดินหน้าทันที คือ การเร่งประสานงานกับภาครัฐ ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เพราะการฟื้นฟูการท่องเที่ยวนั้นจะต้องเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกกระทรวง หน่วยงานวางแผนและแก้ปัญหาร่วมกัน
ข่าวดีก็คือ ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เปิดโอกาสให้คณะกรรมการ สทท. เข้าพบเพื่อรับฟังปัญหาและโซลูชั่น ซึ่งหลายปัญหาก็ได้รับการแก้ไขอย่างทันทีและรัฐมนตรีอีกหลายท่านก็ได้ติดต่อมาที่ สทท. เพื่อเร่งออกแบบและขับเคลื่อนนโยบายร่วมกันต่อไป
ส่วนเรื่องการขาดแคลนแรงงาน สทท. ได้จับมือกับ 3 หน่วย คือ กระทรวงแรงงาน / กรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เร่งปั้นคนแบบ Short Course เป็นโรงเรียน เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถเติมคนเข้าสู่ระบบได้ทันที
อีกทั้งสทท. ต้องขอบพระคุณ นายกรัฐมนตรี ที่เติมงบกระตุ้นการท่องเที่ยว 3,900 ล้านบาท ที่มาถูกที่ถูกเวลา ซึ่งจากการได้รับการสนับสนุน สทท. มั่นใจได้ว่าปีนี้ภาคการท่องเที่ยวพร้อมที่จะกลับมาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติได้อย่างแน่นอน
นายศิษฏิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) และกรรมการ สทท. กล่าวว่า โดยภาพรวมตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30 ล้านคนถือว่า เป็นเป้าหมายที่ดีและเป็นไปใด้ เป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน ในส่วนของตลาดจีน ไทยนับเป็นจุดหมายอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวจีน
สะท้อนได้จากที่ทางการจีนได้อนุญาตให้บริษัททัวร์ ดำเนินการมายังประเทศไทยได้เป็นกลุ่มแรก จากสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ ยาวนาน ได้สร้างความบอบช้ำให้กับเศรษฐกิจจีนอย่างมาก การประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะต้องดูกันเป็นระยะ ทีละไตรมาส ขึ้นกับจำนวนไฟลท์ที่กำลังทยอยเพิ่มขึ้นด้วย และคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ของปี
นายกิตติ พรศิวะกิจ ประธาน SMART Tourism สทท. กล่าวว่า สทท. ได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมทั้งจากหน่วยงานภาคการท่องเที่ยว เช่น ททท. อพท. สสปน. กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่เน้นการเติมลูกค้าและพัฒนาสินค้าให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว และยังมีหน่วยงานพันธมิตรอื่น ๆ ที่มาช่วยเติมทุน เติมนวัตกรรม และแก้ไขปัญหาการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน
เช่น สสว. ที่ดูแลเรื่อง SME ได้สนับสนุน 2 โครงการ คือ SME Restart เพื่อ Transform ผู้ประกอบการให้มีความพร้อมต่อ นวัตกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปเช่น BCG/Welliness และ Metavers โครงการ BDS ที่ให้ทุนผู้ประกอบการเพื่อยกระดับมาตรฐาน เพิ่มช่องทางและโอกาสทางการตลาด
ในปีนี้ก็จะมีการสานต่อโครงการเชื่อมโยงภาคการท่องเที่ยวกับการท่องเที่ยวชุมชนและการประยุกต์ใช้นวัตกรรมดิจิทัล อีก 9 ภาคทั่วประเทศ ธนาคารออมสิน ได้ปรับเกณฑ์การปล่อยกู้ Soft Loan ภายใต้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท สำหรับภาคการท่องเที่ยวให้มีความยึดหยุ่นมากขึ้น
ส่วนเครดิตบูโร ก็ให้มีการปลดล็อคสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้ผู้ที่มีประวัติการชำระดีสิ้นปีพ.ศ.2562 ให้ถือว่าอยู่ในสถานะที่สามารถขอสินเชื่อได้ / สสว. ได้อนุมัติงบประมาณ สำหรับการช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาเรื่องหลักทรัพย์ค้ำประกันในวงเงินกู้ 3,500 ล้านบาท ผ่าน บสย. เป็นต้น