UTA เพิ่มทุน 15,000 ล้าน ลุยลงทุน"สนามบินอู่ตะเภา" 4 หมื่นล้าน

15 มิ.ย. 2566 | 05:24 น.

BA-บีทีเอส-ชิโนไทย เพิ่มทุนใน UTA 15,000 ล้านบาท ลงทุนขยาย "สนามบินอู่ตะเภา" 4 หมื่นล้านบาท หลังครม.เห็นชอบตามข้อเสนอของอีอีซี ในการขยายเฟสลงทุนเป็น 6 เฟสผ่อนผันการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน ช่วยเอกชนจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ รวมถึงผลกระทบจากโควิด-19

หลังจากครม.รับทราบรายงานการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และบริษัทอู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA เอกชนคู่สัญญา ในรูปแบบ PPP Net Cost ซึ่งเอกชนขอใช้สิทธิผ่อนผันตามสัญญาร่วมลงทุนจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ รวมถึงกรณีเกิดโรคระบาดที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

หลังได้รับการผ่อนผันดังกล่าว ทางบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA ได้เดินหน้าเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท UTA จาก 4,500 ล้านบาท เป็น 15,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10,500 ล้านบาท เพื่อเดินทางลงทุนขยายสนามบิน

โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก

3 ผู้ถือหุ้นเพิ่มทุนจดทะเบียน UTA โดยเป็นการเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น ได้แก่

  • บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA  เพิ่มทุนใน UTA 4,725 ล้านบาท ตามสัดสวนการถือหุ้นซึ่งอยู่ที่ 45%
  • บีทีเอส กรุ๊ป เพิ่มทุนใน UTA  3,675 ล้านบาท ตามสัดสวนการถือหุ้นซึ่งอยู่ที่ 35%
  • ซิโน-ไทย เพิ่มทุนใน UTA  1,200 ล้านบาท ตามสัดสวนการถือหุ้นซึ่งอยู่ที่ 20%

ทั้งนี้หลังการเพิ่มทุนแล้วเสร็จ UTA ก็จะเดินหน้าลงทุนในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก จาก 4,500 ล้านบาทเป็น 40,000 ล้านบาท  และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาโครงการฯ กรรมสิทธิ์ในงานพัฒนาเมืองการบินฯ ทั้งหมดจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ 

ปรับแผนลงทุนสนามบินอู่ตะเภา จากเดิมกำหนดไว้ 4 ระยะ ขยายเป็น 6 ระยะ ได้แก่

  • ระยะที่ 1 จากเดิม 15.9 ล้านคน เป็น 12 ล้านคนต่อปี (ปี 2570)
  • ระยะที่ 2  เพิ่มเป็นจำนวน 15.9 ล้านคนต่อปี (ปี 2570)
  • ระยะที่ 3  จากเดิม 30 ล้านคน เป็นจำนวน 22.4 ล้านคนต่อปี (ปี 2577)
  • ระยะที่ 4 เพิ่มเป็นจำนวน 30 ล้านคนต่อปี (ปี 2577)
  • ระยะที่ 5  จากเดิม 45 ล้านคน เพิ่มเป็นจำนวน 45 ล้านคนต่อปี (ปี 2590)
  • ระยะที่ 6  คงจำนวนตามแผนเดิมที่ 60 ล้านคนต่อปี (ปี2603)

การปรับแผนลงทุนขยายสนามบินอู่ตะเภา

ทั้งนี้เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารของแต่ละระยะสอดคล้อง กับประมาณการผู้โดยสารที่เปลี่ยนแปลงไป โดยในระยะแรกจะพัฒนาให้งานหลักฯ มีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร ไม่น้อยกว่า 12 ล้านคนต่อปี และจะลงทุนในระยะถัดไป (ระยะที่ 2 – 6) เมื่อมีปริมาณผู้โดยสารถึง 80% ของขีดความสามารถ ในการรองรับของระยะปัจจุบัน  โดยโครงการฯ ยังกำหนดเป้าหมายให้สนามบินอู่ตะเภารองรับ ผู้โดยสารในปีสุดท้ายได้ 60 ล้านคนต่อปีเท่าเดิม 

ส่วนการปรับเกณฑ์การจัดสรรรายได้ และการจ่ายค่าตอบแทนให้รัฐใหม่ ก็มีการตกลงปรับหลักเกณฑ์ใหม่ ว่า หากมีการก่อสร้างโครงการฯ แล้วเสร็จ แต่ปริมาณผู้โดยสารมีไม่ถึง 5.6 ล้านคนต่อปี  ให้เลื่อนการเริ่มนับระยะเวลาปีที่ 1 ในปีที่มีปริมาณ ผู้โดยสารต่อปี จำนวน 5.6 ล้านคน โดยช่วงเวลาที่ยังไม่มีการเริ่มนับปีที่ 1 นั้น ให้เอกชนคู่สัญญา ชำระค่าตอบแทนรัฐ ดังนี้

1. ชำระค่าเช่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างแก่รัฐจำนวน 100 ล้านบาทต่อปี จากเดิม 820 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีแรกของการให้บริการและการบำรุงรักษาโครงการฯ และเพิ่มขึ้น ทุก ๆ 3 ปี จนสิ้นสุดระยะเวลาโครงการฯ 

2. ชำระรายได้ของรัฐ 100 ล้านบาทต่อปี จากเดิม 1,300 ล้านบาท ในปีที่1 และเพิ่มขึ้นในปีถัดไปทุกปีจนสิ้นสุดระยะเวลาโครงการฯ

3. ชำระรายได้ของรัฐแก่ สกพอ. เป็นจำนวนเท่ากับกระแสเงินสดคงเหลือ จากการดำเนินโครงการฯ ภายหลังการชำระดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นที่จำเป็นต้องชำระตามสัญญาเงินกู้แล้ว ไม่เกิน 5% ของรายได้ที่เกิดขึ้นจริงในปีนั้น ๆ ของเอกชนคู่สัญญา

นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร UTA เผยว่า UTA อยู่ระหว่างปรับแผนพัฒนาสนามบิน อู่ตะเภาให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงจากโควิด-19 ซึ่งขยายเฟสการพัฒนาจาก 4 เฟส เป็น 6 เฟส โดยปรับเฟสแรกจากรองรับที่ 15.9 ล้านคนต่อปี เป็น 12 ล้านคนต่อปี คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2567 เฟสแรก ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี

จากนั้นมีการทดสอบระบบคาดว่าเปิดให้บริการได้ในปี 2570 และเมื่อมีจำนวนผู้โดยสารถึงระดับ 80% ของขีดการรองรับ จะเริ่มก่อสร้างเฟส 2 โดยหารือกับอีอีซี และที่ปรึกษา  สัญญาสัมปทาน 50 ปีในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภารองรับผู้โดยสาร 60 ล้านคนต่อปี

แผนงานการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน ของ UTA จะลงทุน  ใน 5 ส่วนหลัก ได้แก่

  • อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 อาคารเทียบเครื่องบินรอง
  • ศูนย์ธุรกิจขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ (Cargo Logistic Center) เพื่อตอบโจทย์การขนส่งสินค้าในภูมิภาคโดยเป็นศูนย์รวมและกระจายของขนส่ง 4 โหมดครบวงจร ทั้งทางอากาศ ทางราง ทางถนน และทางนํ้า หรือ Multimodel Transport
  • เขตประกอบการค้าเสรี
  • ศูนย์การขนส่งภาคพื้น
  • ศูนย์ธุรกิจการค้า

UTA เพิ่มทุน 15,000 ล้าน ลุยลงทุน\"สนามบินอู่ตะเภา\" 4 หมื่นล้าน

ทั้งนี้ตามแผนงานการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน แบ่งเป็น 3 ส่วน

ส่วนแรก ประกอบด้วย 3 เรื่อง ได้แก่ 1. การบินและผู้โดยสาร และองค์ประกอบของสนามบิน 2. Airport City โดยมีแนวคิดการพัฒนาเพื่อเป็นศูนย์กลางด้านธุรกิจ ที่อยู่อาศัย สันทนาการ การท่องเที่ยว 3. ศูนย์ธุรกิจขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ (Cargo Logistic Center) เพื่อตอบโจทย์การขนส่งสินค้าในภูมิภาคโดยเป็นศูนย์รวมและกระจายของขนส่ง 4 โหมดครบวงจร ทั้งทางอากาศ ทางราง ทางถนน และทางนํ้า หรือ Multimodel Transport

ส่วนที่สอง เป็นการเตรียมความพร้อมด้านการก่อสร้างและด้าน Operation ซึ่งที่ผ่านมา UTA ได้มีการออกแบบเพื่อเตรียมก่อสร้างและวางคอนเซ็ปต์ด้านวิศวกรรมศาสตร์ โดยประสานกับอีอีซี กองทัพเรือ เพื่อจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบทางด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (EHIA) ให้เรียบร้อย

รวมถึงแนวคิดการพัฒนาทางธุรกิจที่จะก่อสร้างเมืองการบินใน 1-2 ปีนี้ แต่ตอบโจทย์ใน 5-10 ปีข้างหน้า ที่สามารถดึงดูดการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังได้เตรียมการด้าน Operation จัดเตรียมด้านบุคลากรในการให้บริการสนามบิน

ส่วนที่สาม เป็นความร่วมมือกับพันธมิตร ทั้งอีอีซี กองทัพเรือ และผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาสนามบิน เพื่อหาแนวทางการพัฒนาที่จะทำให้มีจำนวนผู้โดยสารกลับมาเท่าหรือเพิ่มมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งเป็นโจทย์ที่ต้องร่วมกัน โดย UTA ได้มีการว่าจ้างที่ปรึกษาผู้บริหารสนามบินระดับโลก 3 ราย

ประกอบด้วย นาริตะ อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์พอร์ต ดูแลด้านการบริหารจัดการสนามบิน, มิวนิค อินเตอร์เนชั่นแนลแอร์พอร์ต ช่วยด้านการวางผังพัฒนาสนามบิน, ฮ่องกง อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์พอร์ต ดูแลด้านคาร์โก้ โลจิสติกส์ ซึ่งแผนการลงทุนมีหมดแล้วรอแค่การส่งมอบพื้นที่เท่านั้น

ปัจจุบันการลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ของบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) ถือว่าล่าช้าไปอีกร่วม 1 ปี จากเดิมรัฐต้องส่งหนังสือแจ้งให้ UTA เริ่มงาน (Notice to Process: NTP) ตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2566 ส่งผลให้ไทม์ไลน์ล่าสุด UTA คาดว่าในปี 2567 จะได้เห็นการเริ่มตอกเสาเข็มก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาเฟส 1

อุปสรรคที่ทำให้การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ไม่สามารถเดินตามแผนเดิมที่วางไว้ หลักๆ ติดเงื่อนไขใน 5 ข้อของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องที่มีความคืบหน้าในการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผน จึงทำให้อีอีซียังไม่สามารถส่งหนังสือแจ้งให้ UTA เริ่มงานได้