รมว.สรวงศ์ เผยฟื้น"เราเที่ยวด้วยกัน" เฟสใหม่ นายกแพทองธาร เห็นด้วยแล้ว

19 ก.ย. 2567 | 21:00 น.

รมว.สรวงศ์ เผยฟื้น"เราเที่ยวด้วยกัน" นายกแพทองธาร เห็นด้วยแล้ว สั่งททท.จัดทำโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟสใหม่ เสนอคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเสนอของบประมาณมาดำเนินการ วงในแนะให้เฝ้าระวังตรวจสอบระบบให้ดี หลังก่อนหน้านี้พบทุจริตกว่า 1,400 คดี

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าจากการหารือร่วมกับ 14 สมาคมท่องเที่ยว ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันที่จะต้องนำโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” กลับมากระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยอีกครั้ง หรือ ไทยเที่ยวไทย เพราะเป็นโครงการที่ได้ผลจริง ขอให้ลบความคิดด้านการเมืองไปเลย เพราะอะไรที่ประชาชนได้ประโยชน์เราต้องทำ

รมว.สรวงศ์ ฟื้น"เราเที่ยวด้วยกัน" เฟสใหม่

ผมไม่เขินที่จะนำโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งประสบความสำเร็จในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเป็นเครื่องมือที่สามารถกระตุ้นการเดินทางของตลาดไทยเที่ยวไทยได้ทุกระดับ จึงมอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟสใหม่ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อเสนอของบประมาณมาดำเนินการ

"อีกทั้งเมื่อเช้าวันที่ 18 ก.ย. นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้เรียกเพื่อหารือสถานการณ์ท่องเที่ยวและหามาตรการกระตุ้น ก็ได้รายงานว่าจะฟื้นโครงการเราเที่ยวด้วยกันขึ้นมา ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีก็เห็นด้วย” นายสรวงศ์ กล่าว

นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า การที่รมว.ท่องเที่ยวคนใหม่เตรียมจะฟื้นโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" อีกครั้งเป็นเรื่องที่ดี
แต่ต้องทำให้ถูกช่วงเวลา ซึ่งควรจะใช้มาตรการนี้ในช่วงโลว์ซีซัน ที่จะเกิดประโยชน์มากที่สุด

ด้านนางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาโครงการเราเที่ยวด้วยกัน แม้จะช่วยกระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศได้จริง แต่มองว่าเป็นมาตรการยาแรงที่เหมาะกับช่วงวิกฤติเศรษฐกิจท่องเที่ยวทรุดมากกว่า หากรัฐบาลตัดสินใจฟื้นโครงการนี้อีกครั้ง จะต้องดำเนินการให้รอบคอบ ดูระบบเพื่อป้องกันให้ดี มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้เพียงพอเพื่อรองรับการดำเนินโครงการ 

เพราะที่ผ่านมาโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 1-2 จากทั้งหมด 5 เฟส พบการทุจริตเราเที่ยวด้วยกัน มีการดำเนินคดีประมาณ 1,400 คดี โดยในแต่ละคดีมีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 1 ล้านบาท ดังนั้นความเสียหายที่เกิดจากการทุจริต ประเมินว่าน่าจะมากกว่า 1,400 ล้านบาท

อีกทั้งที่ต้องการให้มีการวางระบบและมีเจ้าหน้าที่เพียงพอ เพราะบางคดีมีผู้เกี่ยวข้องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสอบปากคำมากถึง 7,000-8,000 คนแค่ในคดีเดียว ทำให้จนถึงปัจจุบันมีจำนวนคดีที่ปิดคดีได้เพียง 10 คดีเท่านั้น