เปิดแผน AOT ยกระดับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง ขับเคลื่อนฮับการบินโลก

06 ต.ค. 2567 | 02:22 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ต.ค. 2567 | 04:09 น.

AOT เปิดแผนยกระดับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง ขับเคลื่อนฮับการบินโลก โดยจะผลักดันให้สนามบินสุวรรณภูมิติดอันดับ 1 ใน 20 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก ภายใน 5 ปี พร้อมพัฒนาศักยภาพของสนามบินดอนเมือง ให้เป็นศูนย์กลางของสายการบินต้นทุนต่ำ (Low-Cost Airline)

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) AOT หรือ ทอท.เป็นผู้ให้บริการท่าอากาศยานหลัก 6 แห่งของประเทศไทย ครองส่วนแบ่งมากกว่า 86.7% ของผู้ใช้บริการท่าอากาศยานทั้งหมดในไทย AOT มุ่งมั่นที่จะพัฒนา รวมถึงเพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางของผู้โดยสารและพัฒนาคุณภาพการบริการของท่าอากาศยานให้ได้มาตรฐานสากลและก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค สร้างโอกาส สร้างอนาคต ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

AOT มุ่งมั่นผลักดันให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิติดอันดับ 1 ใน 20 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก ภายใน 5 ปี จากการจัดอันดับของ SKYTRAX World’s Top 100 Airport Ranking จากปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 58 ของโลก โดยในปี 2568 ตั้งเป้าติดอันดับ 1 ใน 50 อันดับแรกของโลก ขณะเดียวกันยังมีแผนจะพัฒนาศักยภาพของท่าอากาศยานดอนเมือง ให้เป็นศูนย์กลางของสายการบินต้นทุนต่ำ (Low-Cost Airline)

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT กล่าวว่า AOT ได้วางเป้าหมายเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ของ AOT ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 250 ล้านคนขึ้นไปต่อปี เนื่องจากในแต่ละสนามบินมีอัตลักษณ์หรือมีความดึงดูดในเรื่องของการเดินทางที่แตกต่างกัน

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์

ดันสนามบินสุวรรณภูมิติดอันดับ 1 ใน 20 ท่าอากาศยานดีที่สุดในโลก

AOT ได้มีเป้าหมายผลักดันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้ติดอันดับ 1 ใน 20 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลก ปัจจุบันอยู่ระหว่างทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้สอดคล้องและพร้อมรองรับการเดินทางในอนาคตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน คาดว่าจะดำเนินการศึกษาแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2568

AOT มีแผนพัฒนา “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” อย่างต่อเนื่องจนถึง Ultimate Phase เพิ่มการรองรับผู้โดยสารจาก 40 ล้านคนต่อปี เป็น 150 ล้านคนต่อปี

เปิดแผน AOT ยกระดับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง ขับเคลื่อนฮับการบินโลก

ปัจจุบัน AOT เปิดให้บริการ “อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1 : SAT-1) รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 60 ล้านคนต่อปี ซึ่งประกอบไปด้วย พื้นที่ลานจอดอากาศยาน 960,000 ตารางเมตร สะพานเทียบเครื่องบิน 64 สะพาน และหลุมจอดอากาศยาน 28 หลุมจอด 

ขณะนี้มีสายการบินใช้บริการรวมทั้งหมด 60 สายการบิน เฉลี่ย 150 เที่ยวบินต่อวัน และขณะนี้ AOT อยู่ระหว่างการปรับพื้นที่ส่วนหนึ่งบริเวณ ชั้น 3 ของอาคาร SAT-1 เพื่อขยายพื้นที่นั่งพักคอยของผู้โดยสาร และพื้นที่ Co-Working Space เพิ่มเติมจากที่มีพื้นที่ Game Zone คิดส์คลับ เลาจน์ และพื้นที่ Relaxing ที่จะมีเปียโน มีโปรแกรมการโชว์เปียโน เพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้แก่ผู้โดยสารระหว่างรอขึ้นเครื่อง

นอกจากนี้ AOT เตรียมจะเปิดให้บริการทางวิ่งเส้นที่ 3 (รันเวย์ 3) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินเพิ่มจาก 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง รันเวย์ 3 มีความยาว 4,000 เมตร กว้าง 60 เมตร  การเปิดให้บริการรันเวย์ 3 จะช่วยลดปัญหาการรอคิวนำเครื่องขึ้นและลงของอากาศยานได้

เดินหน้าขยายสนามบินสุวรรณภูมิเต็มเฟส

สำหรับการลงทุนใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเฟสต่างๆ จะประกอบไปด้วย “โครงการส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก” (East Expansion) วงเงินลงทุน 12,000 ล้านบาท  เพิ่มพื้นที่รองรับผู้โดยสารได้อีก 81,000 ตารางเมตร คาดจะเปิดประมูลในเดือนธันวาคม 2567 ดำเนินการแล้วเสร็จปี 2571

โครงการขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันตก” (West Expansion) จะต้องรอการทบทวนแผนแม่บทท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเสร็จก่อน จากนั้นจะมีการออกแบบรายละเอียด เพื่อให้สอดคล้องกับแผนแม่บทที่ทบทวนใหม่ คาดว่าจะใช้เวลาออกแบบประมาณ 8 เดือน

แผนขยายสนามบินสุวรรณภูมิ

ไฮไลต์ของการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งเป็นโครงการที่มีนัยสำคัญ คือ “การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้” (South Terminal) วงเงินลงทุน 120,000 ล้านบาท (ปีงบประมาณ 2568-2573) เพิ่มพื้นที่ 512,000 ตารางเมตร ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่าอาคารผู้โดยสารหลัก(Main Terminal) 

ทั้งยังเป็นการเพิ่มการเดินทางเข้าท่าอากาศยานด้านทิศใต้จากถนนบางนา-ตราด และจะมีการต่อเชื่อมทางพิเศษบางนา-ชลบุรี เข้าสู่อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ด้านทิศใต้เพื่อความสะดวก โดยโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทางด้านทิศใต้ ประกอบไปด้วย 9 กลุ่มงานหลัก ได้แก่

  1. งานก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร ด้านทิศใต้
  2. งานก่อสร้างอาคารคลังสินค้า
  3. งานก่อสร้างศูนย์ขนส่งด้านทิศใต้
  4. งานขยายระบบสาธารณูปโภคด้านทิศใต้
  5. งานก่อสร้างระบบถนนทางเข้า-ออกด้านทิศใต้
  6. อาคารและลานจอดรถยนต์ ไม่น้อยกว่า 3,000 คัน
  7. ทางวิ่งเส้นที่ 4 
  8. งานขยายลานจอดอากาศยาน
  9. งานต่อขยายอุโมงค์เพื่อรองรับระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover : APM) และระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระ

เปิดแผน AOT ยกระดับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง ขับเคลื่อนฮับการบินโลก

ทั้งนี้การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ด้านทิศใต้คาดว่าจะออกแบบก่อสร้างได้ในปี 2568-2569 จัดหาผู้ก่อสร้างได้ในปี 2570 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปีครึ่ง แล้วเสร็จเปิดให้บริการปลายปี 2574 รองรับผู้โดยสาร 70 ล้านคนต่อปี ซึ่งมีขนาดพื้นที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมที่เคยวางแผนไว้

ล่าสุด AOT มีแผนที่จะยกเลิกโครงการก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 (SAT-2) โดยปรับพื้นที่ตรงนี้เป็น Air to Air Cargo แทน เพื่อนำไปทุ่มกับการลงทุนใน South Terminal ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับความต้องการในการเดินทางในทุกรูปแบบ

ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางบินระหว่างประเทศ และเส้นทางบินในประเทศ รวมไปถึงรองรับการเดินทางเปลี่ยนถ่ายเครื่องบินของสายการบินในกลุ่มพันธมิตรการบินต่างๆ ซึ่งในการออกแบบอาคารผู้โดยสารหลังนี้ก็จะมีการหารือร่วมกับกลุ่มพันธมิตรต่างๆ อาทิ สตาร์อัลไลแอนซ์ และวันเวิลด์

นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้าง “ทางวิ่งเส้นที่ 4”  (รันเวย์ 4) ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันออกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะใช้ระยะเวลาออกแบบรายละเอียดประมาณ 10 เดือน คาดเปิดประมูลในต้นปี 2570 ใกล้เคียงกับอาคารผู้โดยสารด้านใต้ ประมาณการวงเงินลงทุน 20,000 ล้านบาท เนื่องจากมีงานปรับปรุงคุณภาพดิน (Ground Improvement) ใช้เวลาประมาณ 8 เดือน คาดเปิดประมูลก่อสร้างได้ในต้นปี 2570 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี แล้วเสร็จเปิดให้บริการปี 2573

ขยายสนามบินดอนเมือง บริการแบบ Point To Point

สำหรับ “แผนพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมืองระยะที่   3” วงเงินงบประมาณ 36,000 หมื่นล้านบาท เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 30 ล้านคนต่อปี เป็น 40 ล้านคนต่อปี จะมีการก่อสร้าง อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (อาคาร 3)

เปิดแผน AOT ยกระดับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง ขับเคลื่อนฮับการบินโลก

โดยจะเป็น “อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลัง” พื้นที่ให้บริการกว่า 166,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศได้ 18 ล้านคนต่อปี เปิดให้บริการในปี 2571 อีกทั้งยังจะเชื่อมต่อจากสถานีรถไฟสายสีแดง (สถานีดอนเมือง) เข้าถึงอาคารผู้โดยสารหลังที่ 3

แผนขยายสนามบินดอนเมือง

จากนั้นจะปรับปรุง “อาคารผู้โดยสารอาคาร 1” เพื่อขยายพื้นที่ให้บริการผู้โดยสารภายในประเทศ ร่วมกับ “อาคารผู้โดยสารอาคาร 2” สามารถรองรับผู้โดยสารภายในประเทศ 22 ล้านคนต่อปี

รวมพื้นที่ใช้สอย 210,800 ตารางเมตร เปิดให้บริการปี 2573 จะทำให้ท่าอากาศยานดอนเมืองมีพื้นที่รองรับผู้โดยสารรวมกว่า 400,000 ตารางเมตร และมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการบิน เพื่อรองรับการเดินทางภายในประเทศได้อย่างเต็มรูปแบบ

นอกจากนี้ AOT มีแผนจะก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร General Aviation : GA บริเวณด้านทิศใต้ของสนามบิน เพิ่มพื้นที่ 21,000 ตารางเมตร เพื่อพัฒนาเป็นอาคารรับรองพิเศษสำหรับเครื่องบินส่วนบุคคล (Private Jet Terminal)

AOT ได้ปรับแผนลงทุน โดยเปิด Public  Private  Partnerships  หรือ PPP ดึงเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน ซึ่งจะเป็นพื้นที่ไพรเวท เจ็ท เทอร์มินัล แห่งใหม่ จะตั้งอยู่บนพื้นที่บริเวณคลังสินค้า 4 ภายในท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อดึงดูดตลาดไพรเวท เจ็ท ที่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงเดินทางเข้าไทย และให้บริการด้านการซ่อมบำรุงเครื่องบินส่วนบุคคลที่จะมาใช้บริการด้วย

รวมทั้ง AOT ยังมีแผนจะเปิด PPP ในโครงการ Junction Terminal  (อาคารพื้นที่เชิงพาณิชย์) ในท่าอากาศยานดอนเมือง คาดว่ามูลค่าการลงทุนอยู่ที่ราว 2,500 ล้านบาท

เปิดแผน AOT ยกระดับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง ขับเคลื่อนฮับการบินโลก

ทั้งยังมีโครงการการปรับปรุงอาคารคลังสินค้า 1 และ 2 เพื่อรองรับคาร์โก้ ใต้ท้องเครื่องบิน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับสินค้าได้ 5 แสนตันต่อปี การก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์เพิ่มอีก 4,000 คัน เพิ่มพื้นที่จอดรถขึ้น  3 เท่าตัว จากปัจจุบันให้บริการอยู่ 2,000 คัน การปรับปรุงถนนภายในสนามบินให้เป็น 8 ช่องทางจราจร

AOT วางเป้าหมายท่าอากาศยานดอนเมืองไว้ให้เป็นสนามบินที่มีความสะดวกสบาย รองรับการให้บริการแบบ Point To Point ทั้งเที่ยวบินในประเทศ และเที่ยวบินระหว่างประเทศ ซึ่งแตกต่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่เน้นการเชื่อมต่อเที่ยวบิน (Connecting Flight)