นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ถึงงานเร่งด่วนที่จะต้องเข้าไปดำเนินการมี3-4เรื่อง โดยเฉพาะการค้าชายแดนที่ยังถือว่าเป็นหนึ่งในพระเอกของการส่งออกไทย โดยการค้าชายแดนและผ่านแดน 8 เดือนของปี 2565 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,153,874ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 682,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.11% และการนำเข้ามูลค่า 471,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.98% โดยไทยได้ดุลการค้าในเดือนสิงหาคม 2565 ทั้งสิ้น 211,824 ล้านบาท
โดยปัจจัยสนับสนุนค้าชายแดนและผ่านแดน คือเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า ช่วยให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันด้านราคาได้มากขึ้น ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้นและความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงของไปยังสปป.ลาว และเมียนมา ขยายตัว 115% และ 100% ตามลำดับประกอบกับเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านเริ่มฟื้นตัว
ส่งผลต่อการขยายตัวภาคการผลิตและการบริโภค ทำให้มีความต้องการนำเข้าสินค้าที่เป็นปัจจัยการผลิตมากขึ้น โดยเฉพาะมาเลเซีย มีการนำเข้าสินค้ารถยนต์จากไทยเพิ่มขึ้น 389.42% และยางรถยนต์ เพิ่มขึ้น 131.42% และกัมพูชานำเข้าสินค้าแผงวงจรไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 618.91% และผ้าผืนและด้าย เพิ่มขึ้น 93.41%
นอกจากนี้ยังเดินหน้าเร่งขายข้าวแบบแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ระหว่าง ไทย-จีน ภายใต้กรอบความร่วมมือรถไฟความเร็วสูง ที่จีนจะซื้อข้าวจากไทย 2 ล้านตัน (เป็นข้าวชนิดใดก็ได้) โดย 1 ล้านตันแรกได้ทำสัญญากันไปแล้ว และจีนมีการนำเข้าจากไทยแล้ว 7.2 แสนตัน ยังเหลืออีก 2.8 แสนตัน ซึ่งที่ผ่านมากรมการค้าต่างประเทศได้พยายามเร่งรัดให้จีนนำเข้าข้าวส่วนที่เหลือให้หมด ส่วนการหาตลาดข้าวเพิ่มนั้นเป็นหน้าที่ของภาคเอกชน ภาครัฐจะเป็นฝ่ายสนับสนุน ซึ่งตลาดข้าวไทยยังคงเป็น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อิรัก ซาอุดิอาระเบียเป็นต้น งานอีกเรื่องคือการรีวิวกฎหมาย AD ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล