สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต. / ทูตพาณิชย์) ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล รายงาน สงครามอิสราเอลกับกล่มฮามาสที่ผ่านมา 2 สัปดาห์ กับผลกระทบการค้าไทย-อิสราเอล ว่า การขนส่งสินค้าและระบบโลจิสติกส์กระจายสินค้าภายในประเทศของอิสราเอลเวลานี้ล่าช้า และอาจมีปัญหาอุปสรรคมากขึ้นหากสงครามยืดเยื้อและขยายวงกว้าง
ในภาวะปกติ จากข้อมูลสถิติการค้าระหว่างไทยกับอิสราเอล มีแนวโน้มที่ดีมาก มูลค่าการส่งออกไทยมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูงทุกปี ในปี 2564 มีอัตราขยายตัว ร้อยละ 41 ในปี 2565 ร้อยละ 14 และ ในปี 2566 (ม.ค.-ส.ค.) ร้อยละ 12.62
สำหรับอิสราเอล เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเข้มแข็ง ยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีก้าวหน้าทันสมัย ดังนั้น หากสงครามยุติได้เร็ว ก็คาดว่าอิสราเอลจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
ในช่วงสงครามและหลังสงคราม โอกาสของไทยในการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นจากภาวะสงครามและการขาดแคลนสินค้า ประเทศไทยอาจมีโอกาสส่งออกสินค้าจำเป็นไปยังอิสราเอลเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ ข้าว อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์
สำหรับสินค้าอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์และชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ในระยะหลังสงครามน่าจะมีการนำเข้าปกติหรืออาจเพิ่มมากขึ้น แต่การนำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับน่าจะลดลง และต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะฟื้นตัว
1) ปัญหาการขนส่งสินค้าไทยไปยังประเทศอิสราเอลอาจจะล่าช้าและราคาค่าขนส่งแพงมากขึ้น จากอยู่ภาวะสงครามยืดเยื้อและขยายวงกว้าง
2) สินค้านำเข้าจากอิสราเอลมายังไทย เช่น เพชร ปุ๋ย เคมีภัณฑ์ เป็นต้น อาจมีปัญหาในการผลิตและการส่งออกจากอิสราเอล
3) แม้ไทยอาจจะส่งออกสินค้าอาหารได้เพิ่มขึ้น แต่การส่งออกสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพไปตลาดอิสราเอลอาจชะลอลงจากกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวอิสราเอลลดลงเนื่องจากภาวะสงคราม เช่น รถยนต์และชิ้นส่วน อัญมณีและเครื่องประดับ
4) นักธุรกิจอิสราเอลอาจชะลอการเดินทางเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศไทย ในปี 2567 หากสงครามยังไม่ยุติ
การค้าระหว่างไทย-อิสราเอล
• ปัจจุบัน อิสราเอล เป็นคู่ค้าอันดับที่ 40 ของไทย และอันดับ 6 ของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง
• ในปี 2566 (ม.ค.-ส.ค.) การค้าระหว่างไทย-อิสราเอล มีมูลค่า 856.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ขยายตัว ร้อยละ 1.15) โดยไทยส่งออกไปอิสราเอล 545.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ขยายตัว ร้อยละ 12.62) และนำเข้าจากอิสราเอล 311.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ลดลงร้อยละ 14.18)
• ในปี 2565 การค้าระหว่างไทย-อิสราเอล มีมูลค่า 1,401.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ขยายตัวร้อยละ 9.96) โดยไทยส่งออกไปอิสราเอล 850.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ขยายตัวร้อยละ 2.92) และนำเข้าจากอิสราเอล 551.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ขยายตัว ร้อยละ 22.9)
• สินค้าส่งออกสำคัญจากไทยไปอิสราเอล 5 อันดับแรก ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ และข้าว เป็นต้น
• สินค้านำเข้าสำคัญจากอิสราเอล 5 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องเพชรพลอยและอัญมณี ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้เป็นต้น
แนวทางการรับมือ
• ติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจการค้าที่เกี่ยวข้องทุกวัน และวิเคราะห์ผลกระทบ รวมถึง
แนวทางการแก้ไขให้ทันต่อเหตุการณ์
• หารือกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อรับทราบปัญหา อุปสรรค และแนวทางการแก้ไข
• ศึกษาโอกาสส่งออกสินค้าศักยภาพของไทย เพื่อทดแทนตลาดอิสราเอล หากสงครามยืดเยื้อรุนแรง
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเทลอาวีฟ ยังได้รายสถานการณ์สงครามในอิสราเอล ฉบับที่ 3 (สถานการณ์ระหว่างวันที่ 13 ต.ค. ถึง 17 ต.ค. 2566) ใจความสำคัญ ระบุว่า การสู้รบยังคงดำเนินต่อไป ทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศในการทิ้งระเบิดฐานที่มั่นของกลุ่มฮามาสในกาซาและเลบานอน ประชาชนยุติชั่วคราวในการชุมนุมประท้วงรัฐบาลเรื่องการปฏิรูประบบตุลาการ มีการบริจาคโลหิต สิ่งของ อาหาร น้ำ ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ลี้ภัย และทหาร ขณะที่ด่าน Rafah ชายแดนอิสราเอล-อียิปต์จะเปิดให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ปาเลสไตน์
ทั้งนี้สถานเอกอัครราชทูตทูต (สอท.) ณ กรุงเทลอาวีฟ อยู่ระหว่างอพยพแรงงานไทยที่ขอกลับประเทศไทย โดยมีเที่ยวบินทุกวัน ๆ ละ 2 เที่ยวบิน ขณะที่ในตอนกลางของประเทศอิสราเอล รวมทั้งในกรุงเทลอาวีฟ ยังคงมีไซเรนเตือนดังเป็นระยะ นับจากสงครามวันแรก มียอดผู้เสียชีวิตของิสราเอลกว่า 1,400 คน และบาดเจ็บกว่า 3,000 คน
สำหรับเศรษฐกิจของประเทศอิสราเอลในภาวะสงครามกระทรวงเศรษฐกิจอิสราเอล รายงานว่า การค้าระหว่างประเทศ การนำเข้า ส่งออกจากอิสราเอลสามารถดำเนินการอย่างปกติ โดยกระทรวงเศรษฐกิจได้คอยดูแลอย่างใกล้ชิดสม่ำเสมอพบว่า ปริมาณอาหารยังเพียงพอกับจำนวนประชาชน แต่ได้เฝ้าติดตามสถานะของสินค้าคงคลังในระบบเศรษฐกิจ และจัดการสินค้าคงคลังฉุกเฉินเชิงกลยุทธ์เพื่อความมั่นคงของประเทศ
ทั้งนี้คาดว่าในขณะนี้สต็อกอาหารไม่มีปัญหา ไม่มีการขาดแคลนอย่างมีนัยสำคัญ แต่มีการขาดแคลนผักบางชนิดและนมสำหรับการบริโภคเพียงเล็กน้อย เนื่องจากการหยุดการผลิตในภาคใต้
นับตั้งแต่สงครามเริ่มปะทุขึ้น มีการซื้อผลิตภัณฑ์อาหารและการบริโภคโดยทั่วไปเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่ปัญหาด้านโลจิสติกส์สำหรับผู้ค้าปลีกในการเพิ่มสินค้าคงคลังของผลิตภัณฑ์ที่เก็บไว้ในสาขาเองและในการถ่ายโอนจากศูนย์กระจายโลจิสติกส์ไปยังซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งทางกระทรวงกล่าวว่าไม่มีปัญหากับสินค้าคงคลังและปริมาณ
นอกจากนี้ กระทรวงเศรษฐกิจดำเนินการศูนย์การจ้างงานฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
การค้าระหว่างประเทศ ทั้งการนำเข้า-ส่งออกอิสราเอลยังดำเนินไปตามปกติ ผู้แทนฝ่ายเศรษฐกิจใน 50 สถานทูตอิสราเอลทั่วโลกทำงานตามปกติ ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องกับหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศของอิสราเอล ขณะนี้ไม่มีปัญหาพิเศษใด ๆ ด่านทั้งหมดเปิดให้นำเข้าและส่งออกได้ โดยกระทรวงเศรษฐกิจเป็นแกนนำโครงการให้ความช่วยเหลือเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจในอิสราเอลและร่วมมือกับทุกหน่วยงานของรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง