นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงประเด็นความคืบหน้าการดำเนินโครงการเหมืองโปแตซในประเทศไทย ว่า ต้องการเห็นปุ๋ยโปแตซกระสอบแรกที่ผลิตจากในประเทศ เนื่องจากมองว่าหากไทยสามารถทำได้ จะช่วยลกต้นทุนให้กับเกษตรกร
อีกทั้ง ยังจะช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศจากการส่งออก และที่สำคัญคือเรื่องของความมั่นคง โดยมองว่าหากไทยผลิตปุ๋ยได้เองก็จะลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ต้องพะวงเรื่องของราคาที่อาจปรับขึ้นจากสถานการณ์ที่ไม่อาจควบคุมได้ เช่น ภาวะสงคราม เป็นต้น
"แร่โปแตซของไทยทั้ง 3 เหมือง หากสามารถขุดขึ้นมาทำปุ๋ยได้ จะมีมากเพียงพอสำหรับใช้ภายในประเทศ และเพื่อการส่งออก ซึ่งหมายถึงความมั่นคงในประเทศ เพราะไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่ต่างประเทศ ไทยจะมีปุ๋ยใช้แน่นอน ไม่ต้องขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลกเวลาที่มีปัญหากัน ที่สำคัญที่สุดคือมีรายได้จากการส่งออกแน่นอน"
ทั้งนี้ ปัจจุบันกระทรวงฯเองก็พยายามเข้าไปดูแล รวมถึงเป็นสื่อกลางในการหาผู้ร่วมทุน และกระตุ้นทั้ง 3 เหมืองให้เร่งดำเนินการ โดยจากข้อมูลพบว่ามีกลุ่มทุนหลายรายให้ความสนใจ ซึ่งกระทรวงฯก็พยายามให้ได้มีการเจรจาร่วมกัน
เช่นเดียวกับกลุ่มทุนจากต่างประเทศ แต่ประเด็นดังกล่าวนี้จะต้องมีการศึกษาเรื่องของกฏหมายอย่างรอบครอบควบคู่กันไปด้วยว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ อย่างไร
"เวลานี้หลายฝ่ายก็พยายามช่วยกันอย่างเต็มที่ ล่าสุดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเองก็ได้ลงพื้นที่ติดตามแผนการฟื้นฟูเหมืองแร่โปแตช จังหวัดอุดรธานี โดยพยายามหาแนวทางในการนำแร่ดปแตซขึ้นมาผลิตปุ๋ยให้ได้ อีกทั้งยังพยายามหาผู้ร่วมทุนจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง"
อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบของ "ฐานเศรษฐกิจ" เกี่ยวกับความพร้อมของเหมืองโปแตซในประเทศไทยพบว่า มีทั้งหมด 3 โครงการ ประกอบด้วย