เปิด 8 อุตสาหกรรมเด่น โอกาสทองบุกตลาดเวียดนาม

01 ก.ย. 2567 | 09:16 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ย. 2567 | 23:34 น.

เช็คลิสต์ 8 อุตสาหกรรมเด่น มีโอกาสเติบโตสูงในตลาดเวียดนาม หลังเศรษฐกิจเติบโตเร็ว นโยบายสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง และศักยภาพแบบเจาะลึก

นางสาวธนียา ฟูเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงฮานอย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การลงทุนในเวียดนามมีความน่าสนใจในหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว นโยบายสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ และโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง 

ทั้งนี้ประเมินว่า เศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตเป็นบวกในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จะเติบโตระหว่าง 6.0-6.5% จากการฟื้นตัวของภาคการผลิตในประเทศและการส่งออก นับเป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 GDP ของเวียดนามเพิ่มขึ้น 6.42%

นางสาวธนียา ยอมรับว่า ปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการดึงดูดการลงทุนในประเทศเวียดนาม แบ่งออกเป็น 4 ข้อ ได้แก่

1. เศรษฐกิจที่เติบโตเร็ว เวียดนามมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงและต่อเนื่อง อีกทั้งมีปัจจัยทางการเมืองที่มั่นคง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

2. ข้อตกลงการค้าเสรี เวียดนามเป็นสมาชิกในข้อตกลงการค้าเสรีถึง 16 ฉบับ ครอบคลุม ประมาณ 55 ประเทศ และมีข้อตกลงที่สำคัญ เช่น CPTPP และ EVFTA ทำให้การค้าระหว่างประเทศสะดวกขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมที่ต้องการใช้เวียดนามเป็นฐานเพื่อการส่งออกมีข้อได้เปรียบในการเข้ามาใช้เวียดนามเป็นฐานผลิตเพื่อการส่งออก

3. แรงงานมีฝีมือ ซึ่งแรงงานในเวียดนามมีฝีมือสูงและประชากร 70% อยู่ในวัยทำงาน ทำให้เป็นที่ต้องการสำหรับโครงการที่ต้องการใช้แรงงานฝีมือ เช่น การผลิตและการบริการ

4. นโยบายสนับสนุนจากรัฐบาล รัฐบาลเวียดนามมีนโยบายและมาตรการเพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ยังโครงสร้างพื้นฐานในการรองรับนักลงทุนต่างชาติ อาทิ ท่าเรือและการขนส่ง ซึ่งมีท่าเรือหลายแห่งที่สามารถรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศได้ รวมถึงระบบการขนส่งทางบกและทางอากาศที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

เช่นเดียวกับการมีนิคมอุตสาหกรรม รองรับการลงทุนมากกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ เทคโนโลยีและการสื่อสารระบบ การสื่อสารและอินเทอร์เน็ตมีความทันสมัยและครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ

รวมทั้งโครงสร้างทางการเงินมีระบบการแข็งแกร่งและสามารถรองรับการทำธุรกรรมระหว่างประเทศได้ กฎหมายและมาตรการสนับสนุน มีมาตรการที่ชัดเจนเพื่อสนับสนุนและคุ้มครองการลงทุนจากต่างประเทศ

 

อุตสาหกรรมที่น่าจับตามอง

สำหรับอุตสาหกรรมที่น่าเข้าไปลงทุนในเวียดนาม ในช่วงที่เศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นมีด้วยกัน 8 อุตสาหกรรม ดังนี้ 

1.อุตสาหกรรมการผลิต

สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เวียดนามเป็นฐานการผลิตสำคัญสำหรับสินค้าที่ใช้เทคโนโลยี เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ

ชิ้นส่วนยานยนต์ เนื่องจากมีการเจริญเติบโต ตัวด้านการผลิตรถยนต์ในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ความต้องการด้าน Supply Chain ในอุตสาหกรรมนี้มีสูงขึ้น เป็นโอกาสที่ดีของผู้ผลิตไทยซึ่งมีมาตรฐานและคุณภาพที่เป็นที่ยอมรับของคนเวียดนาม

2.อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร

การเพาะปลูกและการแปรรูปอาหาร และการประมงและการแปรรูปอาหารทะเล เวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงด้านเกษตรกรรม เนื่องจากมีภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์หลายประเภท

อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าเกษตรคิดเป็น 90% เป็นการส่งออกวัตถุดิบหรือมีอัตราการแปรรูปน้อยมาก ทำให้มูลค่าเพิ่มมีไม่มากนัก พร้อมกับการเก็บรักษาผลผลิตทางการเกษตรของเวียดนามยังไม่ดีและใช้เทคโนโลยีในการแปรรูปที่ไม่ทันสมัย 

จึงนับเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่จะเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรในเวียดนาม เนื่องจากนักลงทุนไทยมีความสามารถด้านการแปรรูปสินค้าเกษตรเป็นอย่างดี และมีเทคโนโลยีการผลิตชั้นสูง

3.อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ

ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง ถือเป็นธุรกิจที่ถูกจับตามองจากนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากปัจจุบันเวียดนามก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย ประกอบกับในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเวียดนามขยายตัวอย่างมาก ซึ่งคาดว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเวียดนามมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นในอนาคต

จึงนับเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทหรือร้านอาหารที่จะขยายธุรกิจดังกล่าวในเวียดนาม เพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

4.อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศ

ปัจจุบันการพัฒนาซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชัน การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงศูนย์ข้อมูลและบริการคลาวด์ ตามความต้องการในด้านนี้เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเติบโตของธุรกิจออนไลน์

5.อุตสาหกรรมพลังงาน

พลังงานหมุนเวียน การลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมมีโอกาสสูง เนื่องจากการสนับสนุนจากรัฐบาลและความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับการผลิตและการจัดจำหน่ายพลังงาน มีโอกาสในการลงทุนในโรงไฟฟ้าและระบบการจัดจำหน่ายพลังงาน

6.อุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน

การก่อสร้างและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การสร้างถนน สะพาน และระบบขนส่งมวลชน
การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การสร้างและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและพาณิชย์

7.อุตสาหกรรมการเงินและธนาคาร

การให้บริการทางการเงินและการธนาคาร การลงทุนในบริการการเงินและการธนาคาร รวมถึงการจัดตั้งสาขาของธนาคารต่างประเทศ

8.อุตสาหกรรมการศึกษาและการฝึกอบรม

การศึกษานานาชาติ การลงทุนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยนานาชาติ รวมทั้งการฝึกอบรมและการพัฒนาทักษะ การลงทุนในศูนย์ฝึกอบรมและการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ

 

สิทธิประโยชน์การลงทุนในเวียดนาม

ด้านสิทธิประโยชน์การลงทุนของเวียดนามเพื่อดึงดูดนักลงทุน ได้แก่

1. การยกเว้นและลดหย่อนภาษี  นักลงทุนสามารถได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในช่วงระยะเวลาหนึ่ง (ปกติ 2-4 ปี) และหลังจากนั้นจะได้รับการลดหย่อนภาษี 50% เป็นระยะเวลา (4-9) ปีภาษีในอัตราพิเศษ (5-10%) สูงถึง 15 ปี การยกเว้น หรือ การลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับการลงทุนในเขตที่รัฐบาลกำหนด (เช่น เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ) หรือในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญ

2. การยกเว้นและลดหย่อนภาษีการนำเข้า สำหรับเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต โดยเฉพาะในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ การลดหย่อนภาษีการนำเข้า สำหรับวัตถุดิบและส่วนประกอบที่ใช้ในกระบวนการผลิต

3. การสนับสนุนด้านที่ดิน โดยยกเว้นค่าเช่าที่ดิน นักลงทุนสามารถได้รับการยกเว้นค่าเช่าที่ดินในช่วงระยะเวลาหนึ่งสำหรับการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ การลดหย่อนค่าเช่าที่ดิน สำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญหรือในเขตที่รัฐบาลกำหนด

4. การสนับสนุนด้านการเงิน การให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ รัฐบาลมีโครงการสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญ รวมถึงการสนับสนุนด้านการฝึกอบรมแรงงาน นักลงทุนสามารถได้รับการสนับสนุนในการฝึกอบรมแรงงานเพื่อเพิ่มทักษะและความสามารถในการทำงาน

5. การสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนา โดยลดหย่อนภาษีสำหรับการวิจัยและพัฒนา นักลงทุนที่ลงทุนในการวิจัยและพัฒนาจะได้รับ การลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล เวียดนามมีการกำหนดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่มีการให้สิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติม เช่น การยกเว้นและลดหย่อนภาษีที่มากขึ้น

นักลงทุนในเขตนี้จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีการนำเข้าที่สูงกว่าเขตทั่วไป การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ไฟฟ้า น้ำ และ การสื่อสารในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ

 

จุดอ่อน จุดแข็ง และศักยภาพ

จุดอ่อน

1.โครงสร้างพื้นฐานยังไม่พัฒนาเทียบเท่าไทย แม้ว่าเวียดนามจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงต้องปรับปรุงในด้านการขนส่งและโลจิสติกส์

2. ประสบการณ์และทักษะของแรงงาน แรงงานในเวียดนามมีทักษะและประสบการณ์น้อยกว่าแรงงานในไทยในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบริการ

3. ระบบการเงินและการธนาคาร ซึ่งในเวียดนามยังคงต้องการการพัฒนาเพื่อรองรับการลงทุนและการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ หนี้เสียและความโปร่งใสของข้อมูลในรายงานของธนาคารยังคงเป็นสองประเด็นที่ต้องแก้ไขเพื่อให้ธนาคารเวียดนามมีความน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนต่างชาติ

นอกจากนี้ จำเป็นต้องดำเนินแนวทางแก้ไขเพื่อสร้างความมั่นคง ความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพกับตลาดตราสารหนี้และตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งลดขั้นตอนและกระบวนการปล่อยสินเชื่อให้ง่ายขึ้น เพื่อสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยให้ธุรกิจและประชาชนเข้าถึงเงินทุนของธนาคารมากขึ้น

จุดแข็ง

1.การเมืองในเวียดนามมีเสถียรภาพ เนื่องจากมีพรรคคอมมิวนิสต์พรรคเดียวที่บริหารประเทศ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนผู้นำรัฐบาลหรือผู้บริหารกระทรวงต่างๆ จะไม่กระทบต่อนโยบายทางเศรษฐกิจการค้าของเวียดนาม นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมรวมถึงนโยบายการค้าจะขึ้นอยู่กับการเห็นชอบของรัฐสภาเวียดนาม

2. เศรษฐกิจมีการขยายตัวสูงและต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในศักยภาพการขยายตัวในอนาคต

3. นโยบายสนับสนุนการลงทุนจากรัฐบาล รัฐบาลเวียดนามมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศที่ชัดเจนและดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น

4. จำนวนประชากรที่อยู่ในวัยแรงงานมีมาก (52.4 ล้านคน) รวมทั้งค่าแรงยังอยู่ในระดับต่ำ (ค่าแรงขั้นต่ำในเขตเมืองปัจจุบันอยู่ที่ 4,680,000 ด่อง/เดือน เท่ากับ 187 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

5. ปัจจุบัน เวียดนามได้ลงนามข้อตกลงทางการค้าเสรี (FTA) 16 ฉบับ โดย FTA ที่สำคัญและเอื้ออำนวยต่อการส่งเสริมการค้าของเวียดนาม เช่น EVFTA, UKVFTA, CPTPP และ RCEP การใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีมีส่วนช่วยในการพัฒนาการส่งออกอย่างรวดเร็วและยั่งยืน โดยค่อยๆ ลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง

ศักยภาพ

ด้านการผลิตและการส่งออก เวียดนามมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการผลิตและการส่งออกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากต้นทุนการผลิตต่ำและนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาล

ขณะที่ตลาดภายในประเทศที่กำลังเติบโต ส่วนตลาดภายในประเทศของเวียดนามกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีกำลังซื้อที่สูงขึ้น ทำให้มีโอกาสในการขยายตัวและเพิ่มยอดขายในหลายอุตสาหกรรม เวียดนามมีจุดแข็งในด้านต้นทุนแรงงานต่ำ การเติบโตทางเศรษฐกิจสูง และนโยบายสนับสนุนการลงทุนที่ชัดเจน

แต่ยังมีจุดอ่อนในด้านโครงสร้างพื้นฐานและทักษะแรงงานเมื่อเทียบกับไทย อย่างไรก็ตาม เวียดนามมีศักยภาพในการเติบโตในหลายอุตสาหกรรมและสามารถเป็นตลาดสำคัญสำหรับธุรกิจไทยที่จะขยายศักยภาพด้านการตลาดและการลงทุน