ดร.พงศ์ไท ไทโยธิน รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เผยหลังประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “Advancing Climate - Smart Agriculture in Thailand" มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลลัพธ์ของกิจกรรมโครงการในประเทศ และวางแผนกลยุทธ์ในอนาคตเพื่อส่งเสริมการนำการเกษตรอัจฉริยะด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Smart Agriculture : CSA) โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมจากหลายภาคส่วน อาทิ ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ผู้แทนองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ผู้แทนจากสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง ผู้แทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หน่วยงานภาครัฐในประเทศไทย และองค์กรระหว่างประเทศ เป็นต้น
ทั้งนี้ จากนโยบายของ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ในการการขับเคลื่อนการพัฒนาภาคการเกษตร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และของกรมวิชาการเกษตร ที่สอดคล้องกับหลัก Climate Smart Agriculture หรือ CSA อาทิ
เพื่อลดการใช้ปัจจัยการผลิตที่เกินความจำเป็น และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตร (Precision farming), การให้เกษตรกรรายย่อยเข้าถึงเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีสมัยใหม่ (Mechanization) ผ่านกลไกเกษตรแปลงใหญ่ สถาบันเกษตรกรและผู้ให้บริการทางการเกษตร, การจัดการโรคแมลงศัตรูพืชแบบผสมผสาน (IPM) การวิจัย และพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (R&D)
เพื่อนำมาจัดทำเป็นคู่มือการเข้าสู่มาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และนำไปสู่ ตลาด Carbon credit และ ฉลาก Carbon foot print ดังนั้นมาตรฐานด้านการเกษตรจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมเกษตรกร เพื่อให้ได้ green product ภายใต้การสนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ green loan และ การตลาดที่ผู้บริโภคยินดีจ่ายเงินที่สูงขึ้น green market ให้กับสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน มีความปลอดภัยและมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ดร.พงศ์ไท ไทโยธิน รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวในตอนท้ายว่า กรมวิชาการเกษตรจะใช้ แนวทาง หลัก Climate Smart Agriculture เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร สามารถปรับตัวได้ทันกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปของโลก ได้อย่างเหมาะสม