environment

พื้นที่ธรรมชาติเพียง 1.2% ของโลก อาจช่วยป้องกันการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่

    การศึกษาใหม่ชี้ว่าการปกป้องเพียง 1.2% ของพื้นผิวโลกอย่างมีกลยุทธ์อาจช่วยป้องกันการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ได้ นักวิจัยระบุพื้นที่สำคัญ 16,825 แห่ง ครอบคลุม 1.6 ล้านตารางกิโลเมตรควรอนุรักษ์อย่างเร่งด่วน คาดใช้งบประมาณหลักหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 5 ปี

ท่ามกลางวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพของโลก การศึกษาใหม่ชี้ให้เห็นถึงความหวัง นักวิจัยจากองค์กรกว่า 20 แห่งทั่วโลกพบว่า การปกป้องพื้นที่เพียง 1.2% ของพื้นผิวโลกอย่างมีกลยุทธ์ อาจช่วยป้องกันการสูญพันธุ์ของสัตว์และพืชที่ถูกคุกคามมากที่สุดได้

 

การศึกษาซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Frontiers in Science ระบุพื้นที่ 16,825 แห่งทั่วโลกที่ควรได้รับการอนุรักษ์เร่งด่วน โดยครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1.6 ล้านตารางกิโลเมตร พื้นที่เหล่านี้เป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และพืชหลายพันชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุด

ดร. เอริก ไดเนอร์สไตน์ จาก NGO Resolve ผู้นำงานวิจัยนี้กล่าวว่า สายพันธุ์ส่วนใหญ่บนโลกนั้นหายาก ทำให้การอนุรักษ์แบบเจาะจงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

 

กว่า 38% ของพื้นที่ที่ระบุอยู่ในระยะเพียง 2.5 กิโลเมตรจากพื้นที่คุ้มครองที่มีอยู่แล้ว ซึ่งอาจทำให้การขยายการคุ้มครองทำได้ง่ายขึ้น โดยประเทศที่มีพื้นที่เหล่านี้มากที่สุด ได้แก่ ฟิลิปปินส์ บราซิล อินโดนีเซีย มาดากัสการ์ และโคลอมเบีย

อย่างไรก็ตาม การศึกษาชี้ให้เห็นว่า ความพยายามในการอนุรักษ์ปัจจุบันยังไม่ตรงเป้า ระหว่างปี 2018-2023 มีเพียง 7% ของพื้นที่คุ้มครองใหม่ที่ทับซ้อนกับพื้นที่ที่มีความสำคัญสูงสุดต่อการอนุรักษ์

 

นักวิจัยประเมินว่า การปกป้องพื้นที่สำคัญเหล่านี้จะมีค่าใช้จ่ายระหว่าง 29,000-46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งคิดเป็นเพียงเศษเสี้ยวของ GDP สหรัฐฯ หรือเงินอุดหนุนอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลทั่วโลก

 

แม้ว่าการศึกษานี้จะมุ่งเน้นที่การป้องกันการสูญพันธุ์ที่ใกล้เข้ามา แต่นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าจำเป็นต้องมีการอนุรักษ์ในวงกว้างมากขึ้นเพื่อฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและรักษาระบบนิเวศที่สำคัญ

 

การศึกษานี้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์การสหประชาชาติในการปกป้อง 30% ของพื้นที่โลกภายในปี 2030 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการหยุดยั้งการสูญเสียธรรมชาติทั่วโลก ปัจจุบัน 16.6% ของพื้นผิวโลกและน่านน้ำภายในประเทศได้รับการคุ้มครองแล้ว

 

มนุษย์กำลังทำร้ายต้นไม้แห่งชีวิตด้วยก๊าซเรือนกระจก ภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และมลพิษ ทำให้สิ่งมีชีวิตในโลกค่อยๆ ล้มหายตายจากไปทีละสายพันธุ์ ซึ่งส่งผลให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพด้วยความรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

การหายไปของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้สร้างผลกระทบตามมามากมาย พร้อมกับสร้างความเสียหายให้กับระบบนิเวศทั้งต่อสัตว์และพืช เช่น โกโก้หรือกาแฟที่ปลูกยากและมีแนวโน้มจะแพงขึ้นในอนาคต หรือแนวปะการังที่ฟอกขาวครั้งใหญ่ครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์

 

ในขณะที่โลกเผชิญกับวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพที่รุนแรง การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าด้วยการดำเนินการที่มีเป้าหมายและทันท่วงที ยังมีโอกาสที่จะสามารถป้องกันการสูญเสียสายพันธุ์ที่มีค่าที่สุดของโลกได้ แม้ว่าจะเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ แต่การปกป้องพื้นที่เพียง 1.2% ของโลกอาจเป็นก้าวสำคัญในการต่อสู้กับการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพสำหรับคนรุ่นต่อไป

 

อ้างอิง: