นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา Road to Net Zero 2024 The Extraordinary Green จัดโดย “ฐานเศรษฐกิจ”ภายใต้หัวข้อเรื่อง “B2C: The Green Logistics ยานยนต์ไฟฟ้าทางเลือกการขนส่งแห่งอนาคต” ว่าเป้าหมายระดับภูมิภาคของ Grab ตั้งสู่ Net Zero ในปี 2040
แต่สำหรับแกร็บ ประเทศไทย ได้กำหนดเป้าหมายระยะสั้นไว้ในปี 2026 ภายใต้กลยุทธ์ 3R ประกอบด้วย
1.Reinforce: Grab ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างจริงจัง โดยมีแผนจะให้รถยนต์ไฟฟ้าครอบคลุม 10% ของรถที่ให้บริการบนแพลตฟอร์มภายในปี 2026 ในโครงการ Drive to Own ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุนให้ผู้ขับขี่สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าได้ ด้วยโมเดลสินเชื่อแบบรายวันและการช่วยเหลือด้านไฟแนนซ์ นอกจากนี้ Grab ยังร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อจัดหารถ EV ในราคาที่เหมาะสมสำหรับผู้ขับขี่บนแพลตฟอร์ม รวมถึงการสนับสนุนการติดตั้งอุปกรณ์ IoT ในรถ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ
นอกจากการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว Grab ยังมุ่งเน้นการขยายการใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า (e-motorcycle) ในระดับท้องถิ่น โดยได้ร่วมมือกับผู้ผลิตและผู้ให้บริการติดตั้งแบตเตอรี่ในหลายจังหวัด รวมถึงการวางจุดชาร์จไฟฟ้าตามจุดสำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่
ล่าสุดได้ขยายการใช้งานมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไปยัง 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พัทยา ขอนแก่น นครราชสีมา และภูเก็ต โดยการขยายพื้นที่เหล่านี้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในระดับท้องถิ่นและส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม
2.Redesign: ปรับโมเดลธุรกิจของ Grab เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและขยะพลาสติกจากการให้บริการ โดยได้ริเริ่มระบบ Matching เพื่อรวมงานขนส่งในเส้นทางเดียวกัน ลดการใช้พาหนะจำนวนมากในการส่งของและผู้โดยสาร ซึ่งจากการดำเนินงานดังกล่าวช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไปได้ถึง 27,000 ตันในช่วงปีที่ผ่านมา อีกทั้งการเพิ่มการใช้เส้นทางที่มีประสิทธิภาพด้วยการใช้ระบบแผนที่และเทคโนโลยีการนำทาง ลดเวลาการเดินทางและการปล่อยก๊าซที่ไม่จำเป็น
และ 3.Reforest: Grab ได้เริ่มโครงการปลูกป่าโดยให้ผู้ใช้แพลตฟอร์มมีส่วนร่วมในการบริจาคเงินเล็กน้อย ซึ่งเงินที่ได้จะนำไปปลูกป่าและอนุรักษ์ป่าในพื้นที่ต่างๆ โดยได้ร่วมมือกับองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมในการติดตามต้นไม้ทุกต้นที่ปลูก เพื่อให้มั่นใจว่าการปลูกป่ามีประสิทธิภาพและสร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ผลสำเร็จที่ได้จากโครงการในช่วงปีที่ผ่านมา มีการปลูกต้นไม้ไปแล้วมากถึง 200,000 ต้น ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนและกระบี่ โดยจะยังคงขยายโครงการนี้ต่อไปเพื่อสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการรักษาสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ Grab ยังส่งเสริมการลดขยะพลาสติกในการสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์ม ด้วยการให้ลูกค้าเลือกไม่รับช้อนส้อมพลาสติก ผลจากการดำเนินการนี้ช่วยลดขยะพลาสติกได้มากถึง 800 ล้านชิ้นในปีที่ผ่านมา
นายวรฉัตร กล่าวต่อไปว่าจากการดำเนินกลยุทธ์ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Grab สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 70,000 ตัน ปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 280,000 ต้น และลดขยะพลาสติกได้มากกว่า 800 ล้านชิ้นจากการที่ลูกค้าเลือกไม่รับช้อนส้อมพลาสติกในการสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เพื่อมุ่งสู่การสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในอนาคต
ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Grab ในการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และการร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2040 ซึ่งไม่เพียงเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างคุณค่าให้กับผู้ใช้บริการและผู้ขับขี่ในแพลตฟอร์มอีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง