sustainability

“บีโอไอ” ศึกษาให้สิทธิประโยชน์ ธุรกิจปลูกป่า ขายคาร์บอนเครดิต

    บีโอไอ พร้อมให้สิทธิประโยชน์อุตสาหกรรมปรับสู่การเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ชี้ปี 68 พร้อมหนุนธุรกิจใหม่ๆ แย้มศึกษาให้สิทธิประโยชน์ธุรกิจปลูกป่า ขายคาร์บอนเครดิต

นายสุทธิเกตติ์ ทัดพิทักษ์กุล รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวในวงสัมมนา “Panel Discussion: Government's Mechanisms to Achieve SDGs” ในงาน Sustainability Forum 2025: Synergizing for Driving Business จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ว่า ความท้าทายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการมีอยู่ 3 ประการ ได้แก่ ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (ODCD)

นายสุทธิเกตติ์ ทัดพิทักษ์กุล รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

สำหรับปัญหาสิ่งแวดล้อม บีโอไอให้สิทธิประโยชน์ภายใต้พ.ร.บ. 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน โดยการยกเว้นภาษีเงินได้สูงสุดไม่เกิน 13 ปี และพ.ร.บ.เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ให้สิทธิประโยชน์และให้มาตรการจูงใจด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุน

ขณะที่เรื่องกรีน เราให้สิทธิประโยชน์มากกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ แต่มีเงื่อนไข เช่น อุตสาหกรรมห้องเย็น หากใช้สารทำความเย็นเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม จะได้สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น รถยนต์ หากเป็นอีวี จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังรวมถึงโรงไฟฟ้า ปริโตเคมี เป็นต้น

ทั้งนี้ ในปี 2568 บีโอไอจะสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ๆ มากขึ้น เช่น การกักเก็บคาร์บอน และอยู่ระหว่างพิจารณาให้สิทธิประโยชน์กิจการปลูกป่า เพื่อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งขอเวลาศึกษาเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเดิมปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เราก็จะมีสิทธิประโยชน์ให้

ขณะที่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยในเข้าร่วมกับ ODCD อาจจะมีการพิจารณาใช้กลไกเก็บภาษีมา และคืนภาษีให้ผู้ประกอบการด้วย เช่น การปรับใช้เครื่องจักรเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน จะเป็นกลไกที่เก็บภาษีมา และคืนให้ผู้ประกอบการ ถือเป็นกลไกที่จะเกิดขึ้นในปี 2568