+++ วันที่ 24 ก.พ.2564 เป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ เมื่อศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีกบฏ กปปส. ผลพ่วงจากคำพิพากษา ทำให 3 รัฐมนตรีที่ร่วมชุมนุมกับกปปส.ต้องหลุดจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 160 (7) ที่บัญญัติคุณสมบัติรัฐมนตรีไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาจำคุก ภายหลังจากศาลอาญาได้พิพากษาคดีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำ โดยมีการฟ้องนายสุเทพ และพวก เป็นจำเลยรวมเป็น 39 ราย ซึ่ง 3 ใน 39 รายเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แก่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดีอีเอส ถูกศาลพิพากษาจำคุก 7 ปี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ถูกศาลพิพากษาจำคุก 6 ปี 16 เดือน นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี
+++ ทั้ง 3 รัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งทันที โดยไม่ต้องรอให้คำพิพากษาถึงที่สุดในชั้นฎีกา เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ในมาตรา 160 บัญญัติว่า รัฐมนตรีต้อง (1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด (2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปี (3) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า (4) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ (5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง (6) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 (7) ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท (8) ไม่เป็นผู้เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุกระทำการอันเป็นการต้องห้ามมาตรา 186 หรือมาตรา 187 มาแล้วยังไม่ถึงสองปีนับถึงวันแต่งตั้ง การหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรี อันเนื่องมาจากคำพิพากษาจำคุก ส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเร่งมือในการปรับครม.เร็วขึ้น หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจากเดิมจะยื้อระยะเวลาไปช่วงหนึ่ง แต่เมื่อมีเหตุการณ์นี้เข้ามา จะเป็นการปรับใหญ่ครม.โดยเร็ว
+++ ถือเป็นทางสะดวกของ “ลูงตู่” ที่จะ “ปรับใหญ่ ครม.” เพราะหลังจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีรัฐมนตรีบางคนที่ได้คะแนน “ไว้วางใจ” น้อย โดยเฉพาะ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ที่ได้คะแนนไว้วางใจเพียง 258 เสียง ไม่ไว้วางใจ 215 เสียง งดออกเสียง 8 เสียง ก็สมควรที่จะถูกปรับออกจาก ครม.อยู่แล้ว
+++ หันไปดูผลการตัดสินของศาลอาญาในคดีนี้ ใน 39 แกนนำ กปปส. พบว่ามีทั้ง “จำคุก-ยกฟ้อง-รอลงอาญา” คือ 1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จำคุก 5 ปี 2.นายสาทิตย์วงศ์ หนองเตย ส.ส.ประชาธิปัตย์ ยกฟ้อง 3.นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ จำคุก 9 ปี 24 เดือน 4.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.พลังประชารัฐจำคุก 7 ปี 5.นายอิสสระ สมชัย ส.ส.ประชาธิปัตย์ จำคุก 7 ปี 16 เดือน 6.นายวิทยา แก้วภราดัย จำคุก 1 ปี เเละปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 7.นายถาวร เสนเนียม จำคุก 5 ปี 8.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จำคุก 6 ปี 16 เดือน 9.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 10.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก จำคุก 1 ปีปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี
+++ 11.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เสียชีวิต 12.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำคุก 1 ปีปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 13.นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ ยกฟ้อง 14.นายถนอม อ่อนเกตุพล จำคุก 1 ปีปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 15. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จำคุก 3 ปี ยกฟ้อง 16. พระพุทธะอิสระ หรือ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ จำคุก 4 ปี 8 เดือน 17.นายสาธิต เซกัลป์ จำคุก 2 ปี ปรับ 26,666 บาท รอลงอาญา 2 ปี 18.นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ยกฟ้อง 19. พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 20. พล.ร.อ.เอกชัย สุวรรณภาพ จำคุก 1 ปีปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี
+++ 21. นายแก้วสรร อติโพธิ ยกฟ้อง 22.นายไพบูลย์ นิติตะวัน ยกฟ้อง 23.นายถวิล เปลี่ยนศรี ยกฟ้อง 24. เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ จำคุก 4 ปี 16 เดือน 25. นายมั่นแม่น กะการดี จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 26.นายคมสัน ทองศิริ จำคุก 2 ปี ยกฟ้อง 27.พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ยกฟ้อง 28.นายพิภพ ธงไชย ยกฟ้อง 29.นายสาวิทย์ แก้วหวาน จำคุก 2 ปี 30.นายสุริยะใส กตะศิลา จำคุก 2 ปี 31. นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ยกฟ้อง 32.พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ สุปิยะพาณิชย์ ยกฟ้อง 33.นายสำราญ รอดเพชร จำคุก 2 ปี 16 เดือน 34.นายอมร อมรรัตนานนท์ (เปลี่ยนชื่อบ่อย) จำคุก 20 เดือน 35.นายพิเชษฐ พัฒนโชติ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 36.นายสมบูรณ์ ทองบุราณ ยกฟ้อง 37.นายกิตติชัย ใสสะอาด จำคุก 4 เดือน ปรับ 6,666 บาท รอลงอาญา 2 ปี 38.นางทยา ทีปสุวรรณ จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 26,666 บาท รอลงอาญา 2 ปี และ 39.นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ยกฟ้อง
+++ น้อมรับคำพิพากษา แต่ขอใช้สิทธิ์ยื่นอุทรณ์ต่อไป นายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.คมนาคม หนึ่งในแกนนำกปปส. ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี ได้กล่าวเปิดใจว่า พร้อมน้อมรับคำพิพากาษด้วยความเคารพ โดยไม่ขัดขืน แต่จะขอใช้สิทธิ์ในการอุทรณ์คดีต่อไป โดยจะรวบรวมคำพิพากษา คำเบิกความ เพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรี ถือว่าตนสิ้นสุดจากตำแหน่งรมช.คมนาคมโดยทันที ซึ่งจะไม่ใช้สิทธิ์ในการยื่นคำร้องอุทรณ์แต่อย่างใด โดยตนยังทำหน้าที่นักการเมืองเหมือนเดิม จะปกป้องสิทธิประโยชน์ของประเทศและประชาชนโดยไม่ลดละ ไม่รู้สึกเสียใจที่ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก แต่ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ขัดขวางการออกกฎหมายนิรโทษกรรม และขัดขวางการทุจริตจำนำข้าวไว้ได้ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ต่างจากการต่อสู้ของนักต่อสู้ทั่วโลก ที่เอาเสรีภาพของตัวเองมาปกป้องส่วนรวม ขอขอบคุณประชาชน พี่น้องกปปส. ที่ส่งกำลังใจมาให้ตั้งแต่วันที่เริ่มต่อสู้ ณ สถานีรถไฟสามเสน วันที่ 31 ธ.ค. 2556 จนถึงตอนนี้เวลาผ่านไป 7 ปี มีคนเสียชีวิต 27 คน บาดเจ็บ 780 กว่าคน แต่สิ่งที่ได้คือ การขับไล่รัฐบาลทรราช ขอให้ทุกคนสู้ต่อไป ทั้งการปราบปรามการทุจริต ปัญหาความเหลื่อมล้ำ การปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปการเมือง การกระจายอำนาจ ขอให้ทุกคนทำให้ได้ อย่าลืมว่าประชาชนจับตาอยู่ อย่าคิดว่าประชาชนไม่รู้ว่าระบอบทักษิณ จะกลับมาอีก ขอเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบบ้านเมืองมาดูกระจก มาดูตัวเองด้วย
+++ เห็นสภาพที่เกิดขึ้นกับ “แกนนำ กปปส.” ที่ถูกศาลสั่งจำคุกแล้ว ขอให้เป็น “อุทาหรณ์” กับ “ม็อบคณะราษฎร” ที่เคลื่อนไหวที่ผ่านมา จนแต่ละคนมีคดีต่อกี่คดีจนนับไม่ถ้วน หากยังเคลื่อนไหวทำอะไรที่ผิดกฎหมายอีก ก็ขอให้ดู “รุ่นพี่”เป็นตัวอย่างว่าสุดท้ายแล้ว ชะตาชีวิตเป็นเช่นไร...